ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ เป็นการพิจารณาในมาตรา 12 กระทรวงคมนาคม ซึ่งมีงบประมาณ 80,354,002,200 บาท ซึ่งภาพรวมของการอภิปรายฝ่ายค้านโจมตีถึงความไม่มีประสิทธิภาพของการบริหารจัดการ การส่อว่ามีการทุจริต รวมทั้งโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ที่มีปัญหาส่อว่าจะทุจริต
ว่าที่ร้อยตรีพงศพันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในหน่วยงานของกระทรวงคมนาคมมีข้อบ่งชี้หลายเรื่องถึงการคอร์รัปชั่น อาทิ กรมทางหลวง ที่ได้กำหนดให้ผู้ที่จะเข้ารับจ้างทำงาน จัดทำข้อมูลของบริษัทมอบให้กับผู้รับผิดชอบโครงการ
นอกจากนี้ ยังพบว่าต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะได้รับงานในโครงการ โดยมีการจ่ายเงินเป็นเช็คถึง 16 ใบ ในวันลงนามสัญญา และวันรับเบิกเงินโครงการ รวมทั้งยังพบในโครงการยกระดับมาตรฐานรถตู้จำนวน 10,000 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และ บริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) ที่พบว่ามีนักการเมือง และพ่อค้าได้รับผลประโยชน์จากกรณีที่ให้ผู้ประกอบการให้บริการรถตู้ซื้อรถตู้คันใหม่ เป็นราคาแพงกว่าปกติสูงถึง 1.4 ล้านบาท ทั้งที่ราคาปกติรถตู้ 1 คันมีราคาประมาณ 9 แสนบาท อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้น จนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่าไปอยู่กับใคร
นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เหตุสำคัญที่ควรปรับลดงบประมาณของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากตนไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาจราจรด้วยการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน เพราะขณะนี้ราคาเอ็นจีวี ยังไม่ได้กำหนดให้ตายตัว รวมถึงรัฐบาลไม่มีแนวทางการจัดการหนี้สินของ ขสมก. ตอนนี้มีมากถึง 50,000 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการให้สัมปทานกับเอกชนเข้ามาเดินรถ และการจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาวิ่งให้บริการในเส้นทางที่มีคนใช้บริการจำนวนมาก นอกจากนั้นตนเห็นว่า ครม.ควรอนุมัติให้ใช้บัตรอิเล็คทรอนิกส์แทนบัตรกระดาษได้แล้ว เพื่อลดปัญหาการขาดทุนและข้อมูลที่รั่วไหล
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตนขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงคมนาคมลง 15 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ในหลายกรณี เช่น บังคับใหัประชาชนซื้อบัตรผ่านทางด่วน (อีซี่ พาส) เมื่อประชาชนไม่ซื้อ ก็บังคับด้วยการงดขายคูปองทางด่วน ทำให้ประชาชนที่ใช้บริการต้องจ่ายเงินสด ซึ่งขั้นตอนการรับ และทอนเงินทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัด
"สำหรับรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน ใช้งบราชการกว่า 6 หมื่นล้านบาท ผมเชื่อว่าต้องผ่านแน่นอน แต่ตอนนี้ต้องระงับไว้ก่อน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้ขอไว้ เกรงจะเสียคะแนน เพราะช่วงนี้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพ และสมาชิกสภาเขต" นายสุนัยกล่าว
นายวิฑูรย์ นามบุตร ในฐานะกมธ.วิสามัญพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ใช้สิทธิ์ชี้แจงว่า การทำงบประมาณต่างๆ นั้น ทางกมธ. พิจารณาในรายละเอียดของการจัดสรรงบประมาณเท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจที่จะพิจารณาให้เปลี่ยนโครงการจากซื้อไปเป็นเช่า หรือ โครงการเช่า ไปเป็นโครงการจัดซื้อ รวมถึงพิจารณาการใช้จ่ายในโครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ด้านนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวชี้แจงว่า กรณีที่สมาชิกระบุว่ามีหลักฐานของการจ่ายเช็ค ค่าคอมมิชชั่นในกระทรวงคมนาคมนั้นขอให้นำหลักฐานมาให้ตนพิจารณา ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการกล่าวเท็จ ผู้อภิปรายต้องรับผิดชอบคำพูด ส่วนประเด็นที่พาดพิงที่ว่าใช้เงินราชการซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน มูลค่าว่า 6 หมื่นล้านบาทนั้นขอชี้แจงว่าไม่ใช่ แต่หากมีการขาดทุนราชการต้องเข้าไปช่วยเหลือตามกฎหมายของขสมก.
"ผมยืนยันในห้องรัฐมนตรี ไม่เคยมีผู้รับเหมาเข้าไป เพราะผมไม่รู้จักใคร ส่วนทำโครงการต่างๆ เช่น รถตู้ที่เก็บหัวคิวมากถึง 4 แสนบาท ผมประกาศไปแล้วว่าหากใครโดนให้แจ้ง เพื่อที่จะนำคนนั้นมาเข้าคุก สำหรับบัตรอีซี่ พาส ยืนยันไม่ได้บังคับให้ใครซื้อ ผมหรือรัฐมนตรีคนอื่นก็ใช้ ไม่มีปัญหาอะไร" นายโสภณกล่าว
จากนั้นที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในมาตรา 12 ด้วยคะแนน 242 ต่อ 121 งดออกเสียง 2 และไม่ลงคะแนน 21 เสียง