นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยแกนนำและแนวร่วมฯ ทั้ง 79 คน เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามตามที่ได้นัดหมายหลังจากขอเลื่อนกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาก่อการร้ายกรณีนำกลุ่มผู้ชุมนุมบุกยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อช่วงปลายปี 51 โดยได้ปฏิเสธทุกข้อหา
นายสนธิ กล่าวว่า ข้อหาดังกล่าวมีอัตราโทษสูงถึงขั้นประหารชีวิต ซึ่งเห็นว่าเป็นข้อหาที่มีความรุนแรงมากเกินไป และเชื่อว่า การต่อสู้คดีในชั้นศาลจะใช้เวลานานเพราะมีพยานหลักฐานและพยานบุคคลเป็นจำนวนมากที่ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่ใช่การก่อการร้าย โดยจะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด
นายสนธิ กล่าวว่า จะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีนี้ที่ตั้งข้อหาเลื่อนลอยและไม่เป็นความจริง
ขณะที่ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนปฏิบัติงานด้วยความอดทนอดกลั้น สำหรับเวลาที่จะใช้ในการสอบปากคำขึ้นกับผู้ถูกกล่าวหา หากเสร็จไม่ทันภายในวันนี้ก็สามารถดำเนินการต่อได้ในวันอื่น และไม่หนักใจที่จะถูกฟ้องกลับ
ทั้งนี้ บรรยากาศที่กองปราบปรามซึ่งเป็นสถานที่รายงานตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาของแกนนำและแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ เจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กมากั้นบริเวณทางเข้าอาคารฯ โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้า-ออก โดยเตรียมห้องประชุมใหญ่และรถสุขาเคลื่อนที่ไว้คอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาให้กำลังใจ ขณะเดียวกันมีการจัดกำลังหน่วยคอมมานโดจำนวน 170 นาย ไว้คอยดูแลความสงบเรียบร้อยโดยรอบ รวมถึงติดตั้งกล้องวงจรปิด 50 ตัวทั่วบริเวณเพื่อบันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด สำหรับพนักงานสอบสวนจัดให้มีทั้งหมด 20 ชุดๆ ละ 30 นาย มาจากกองปราบปรามนครบาล และสถานีตำรวจภูธรสมุทรปราการ