นายสุทธิ อัชฌาสัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก นำชาวบ้านจาก อ.มาบตาพุด จ.ระยอง กว่า 30 คน เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา, คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา, คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา, คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา และคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เพื่อขอให้พิจารณาตรวจสอบความถูกต้องในการออกประกาศ 11 ประเภทโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรคสอง และติดตามแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมใน จ.ระยอง
นายสุทธิ กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรมตรงตามเจตนาขอรัฐธรรมนูญ และเพื่อยุติความขัดแย้งที่อาจลุกลามตามมา จึงขอให้วุฒิสภาเสนอแนะไปยังรัฐบาลให้ทบทวนและจัดทำร่างโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้ผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงเร่งประกาศผลการศึกษาข้อเสนอแนะที่องค์กรต่างๆ ได้ส่งให้รัฐบาล เช่น สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และคณะกรรมการแก้ไขปัญหาตาม มาตรา 67 วรรคสอง ต่อประชาชนด้วย
ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล ประธานกมธ.การศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา กล่าวว่า กมธ. จะรับเรื่องดังกล่าวไปตรวจสอบในมุมมองเรื่องธรรมาภิบาล กรณีการกำหนดโครงการหรือกิจการเข้าข่ายผลกระทบรุนแรงเหลือเพียง 11 โครงการจาก 18 โครงการว่าอาศัยหลักเกณฑ์การพิจารณา หรือเป็นเพียงการปลดล็อกให้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะขัดต่อหลักยุทธศาสตร์การทำนโยบายของรัฐบาลทั้งเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง และการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ขณะที่นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า กมธ.จะนำเรื่องนี้ไปบูรณาการเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาว่าจะสามารถแก้ไขได้อย่างไร และในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดหมดความสามารถในการรองรับอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการสร้างใหม่หรือที่มีอยู่เดิม เพราะทำให้ชาวบ้านเกิดความเดือดร้อนและเจ็บป่วย ในขณะที่เจ้าของกิจการกลับมีรายได้เพิ่มขึ้นมากมาย อีกทั้งจะต้องมีเขตกันชนเพื่อป้องกันปัญหาเรื่องมลพิษให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลจะต้องตรวจสอบแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย