นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเสนอแผนปรองดองของพรรคเพื่อไทย(พท.)ว่า ในขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเสนอแผนปรองดองดังกล่าว แต่การจะทำให้แผนปรองดองประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมนั้น ไม่ใช่แค่การเจรจาระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่ต้องรับฟังเสียงจากทุกภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะภาคประชาชนที่ถือเป็นส่วนสำคัญ นอกจากนี้ควรหาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่มีความเป็นกลางอย่างแท้จริงมาเป็นตัวกลางในการเจรจา
"ยอมรับว่าการสร้างความปรองดองเป็นเรื่องยาก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำได้สำเร็จ แต่ก็ต้องทำ ซึ่งการจะให้สำเร็จ โดยทุกฝ่ายต้องเปิดใจกว้าง เอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะอุปสรรคที่จะทำให้การปรองดองไม่สำเร็จก็คือกิเลสของคนที่จะเข้าปรองดอง ดังนั้นถ้ายึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลักก็จะไม่มีปัญหา คงไม่มีคนไทยคนใดที่ไม่อยากให้มีการปรองดองเกิดขึ้น" นายสมชาย กล่าว
ส่วนการปรับโครงสร้างของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคที่มีกระแสข่าวว่ามีการทาบทาม พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.มหาดไทย เข้ามาทำหน้าที่นั้น นายสมชาย ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยยังมีเอกภาพ ไม่มีความระส่ำระสาย เรื่องการปรับโครงสร้างของพรรคเพื่อไทยถือเป็นเรื่องปกติ และส่วนตัวเห็นว่า พล.ต.อ.โกวิท มีความเหมาะสม เพราะเคยเป็นถึงอดีต ผบ.ตร. รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ที่สำคัญก็มีภาพของความจงรักภักดีด้วย
ส่วนที่มีการมองว่าแม้จะปรับโครงสร้างพรรคเพื่อไทยแล้วก็หนีไม่พ้นการเป็นนอมินีของตระกูลชินวัตรนั้น นายสมชาย กล่าวว่าต้องยอมรับความจริงว่าพรรคเพื่อไทยสืบทอดมาจากพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ดังนั้นการจะลบภาพตระกูลชินวัตรออกไปคงเป็นเรื่องยาก
แต่ข้อเท็จจริงคือตระกูลชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ น.ส .ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เป็นเพียงผู้ให้คำปรึกษาเท่านั้น แต่ไม่ได้ไปชักใยอยู่เบื้องหลัง เช่นเดียวกับพรรคชาติไทยพัฒนาที่แม้นายบรรหาร ศิลปอาชา จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว แต่เวลาพูดถึงพรรคชาติไทยพัฒนา คนก็ยังคิดถึงชื่อของนายบรรหาร อยู่เหมือนกัน