นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะ ประกอบด้วยบุคคลสำคัญระดับสูงอาทิ รมว.ต่างประเทศ นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยจะเดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเที่ยวบินที่ TG 916 และจะเดินทางถึงท่าอากาศยาน JFK ณ นครนิวยอร์ค เวลา 22.40 น.วันที่ 23 กันยายน 2553 เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัสชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 65 การประชุม ASEAN-US Summit และพบปะกับนักลงทุนสหรัฐฯ โดยจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 26 กันยายน 2553 เวลา 06.05 น.
สำหรับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 65 นี้ เป็นเวทีที่ประมุขรัฐและผู้นำรัฐบาลเข้าร่วมมากที่สุดเวทีหนึ่ง โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้นำระดับประมุขและผู้นำรัฐบาลเข้าร่วมการประชุมมากกว่าปีที่ผ่านมา และในปีนี้จะมีการจัดการประชุมระดับสูงว่าด้วย เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ(Millennium Development Goals-MDGs) เพื่อเป็นเวทีหารือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ดำเนินงานเพื่อบรรลุ MDGs และสนับสนุนการดำเนินงานของประเทศกำลังพัฒนาให้สามารถบรรลุ MDGs ภายในปีเป้าหมาย 2558 ด้วย
ส่วนการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐฯ(ASEAN-US Summit) ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 จากเมื่อปีที่แล้วที่จัดที่ประเทศสิงคโปร์ ภายหลังการประชุมเอเปก ซึ่งในครั้งนั้นไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน โดยการประชุมฯนี้นับเป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของสหรัฐฯ ต่อนโยบายในภูมิภาคอาเซียน ที่สหรัฐฯต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในภูมิภาคนี้มากขึ้น ทั้งนี้ในการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีจะได้หยิบยกประเด็น ความจำเป็น และบทบาทสำคัญของสหรัฐฯในภูมิภาค การนำมาซึ่งความมั่นคงในภูมิภาค การหลีกเลี่ยงการกีดกันทางการค้า รวมถึงการยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญระหว่างกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้มีโอกาสพบบะกับผู้ลงทุนสถาบันในสหรัฐฯ และนักธุรกิจ US-ASEAN Business Council โดยนายกรัฐมนตรีจะได้ใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและนักธุรกิจต่อศักยภาพของไทย ชี้แจงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่จะดำเนินต่อไปอย่างเข้มแข็ง ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐและการดำเนินนโยบายในด้านต่างๆของรัฐบาล รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและปัจจัยต่างๆ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีจะได้ตอบข้อซักถามในประเด็นที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุน อาทิ กรณีปัญหามาบตาพุด กรณีพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา และกรณีการประมูลระบบ 3G โดยนายกรัฐมนตรีจะได้ชี้แจงสร้างความชัดเจนให้นักลงทุนได้เข้าใจถึงปัญหา นโยบายการแก้ปัญหาของรัฐบาล รวมถึงการแก้ปัญหาตามกระบวนการยุติธรรมของไทย