ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินย่านรัชดาภิเษกจำนวน 33 ไร่เศษ ระหว่างกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินกับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโมฆะตามคำร้องของพนักงานอัยการ
หลังศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นิติกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะ จึงมีคำสั่งให้คุณหญิงพจมานคืนที่ดินดังกล่าวจำนวน 4 แปลง จำนวน 33 ไร่ให้แก่กองทุนฟื้นฟูฯ และให้กองทุนฟื้นฟูฯ คืนเงินจำนวน 772 ล้าน พร้อมดอกเบี้ยให้แก่คุณหญิงพจมานด้วย
ทั้งนี้ พนักงานอัยการซึ่งรับมอบอำนาจจากกองทุนฟื้นฟูฯ ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยเรื่องโมฆะกรรม โดยขอให้ศาลเพิกถอนรายการจดทะเบียนขายโฉนดที่ดินดังกล่าว และให้ส่งมอบการครอบครองที่ดินคืนให้กับกองทุนฟื้นฟูฯ ขณะที่คุณหญิงพจมานได้ยื่นฟ้องแย้ง โดยขอให้ศาลมีคำสั่งให้กองทุนฟื้นฟูฯ คืนเงินค่าซื้อขายที่ดินและค่าเสียหายรวม 800 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
คำฟ้องของพนักงานอัยการระบุว่า คุณหญิงพจมานเป็นคู่สมรสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้เข้าทำนิติกรรมสัญญา ย่อมเป็นการกระทำโดยมีวัตถุประสงค์ขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนรวมและส่วนตัว ซึ่งต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มาตรา 100
ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดให้จำคุก 2 ปี ดังนั้น เมื่อจำเลยมีเจตนาจงใจเข้าทำนิติกรรมสัญญาที่ต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว สัญญาจัดซื้อจัดหาที่ดินทั้ง 4 แปลงจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ซึ่งมีผลทำให้การจดทะเบียนซื้อขายที่ดินเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2546 ระหว่างกองทุนฟื้นฟูฯ กับจำเลย อันเป็นการสิ้นผล ไม่มีผลบังคับใช้ไปด้วย
ด้านนางพวงทิพย์ ปรมาพจน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการนำเรื่องดังกล่าวหารือกับบอร์ดกองทุนฟื้นฟูฯ ในกลางเดือนต.ค.นี้ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป จะอุทธรณ์หรือไม่ จากนั้นจะนำที่ดินดังกล่าวไปเปิดประมูลใหม่
ทั้งนี้ กองทุนฟื้นฟูฯ มีเงินสำรองเพียงพอที่จะคืน พร้อมดอกเบี้ยตามคำสั่งศาล