นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ระบุว่า จะให้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการประเมินสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ก่อนตัดสินใจว่าจะมีการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พื้นที่ใดเพิ่มเติมบ้าง แต่ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตามที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดเอาไว้ประมาณ 3 จังหวัดในภาคอีสาน
"ผมจะให้เขา (ฝ่ายความมั่นคง) ประเมินและผมจะรายงานนายกรัฐมนตรีตลอดเวลา ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและนายกรัฐมนตรีเสนอ"รองนายกฯ ด้านความมั่นคง กล่าว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่คณะรัฐมนตรีจะมีการพิจารณาการปรับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยหลังเกิดเหตุลอบวางระเบิดในช่วงเวลาที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำให้สถานการณ์ดีขึ้นและเชื่อว่าจะสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ในที่สุด
พร้อมยืนยันว่า หากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่บกพร่อง ก็คงต้องออกมาขอโทษและต้องมีการปรับปรุงมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้เข้มงข้นยิ่งขึ้น
"ผมเชื่อว่าจะดีขึ้น ถ้าบกพร่องก็ขอโทษ แล้วก็ปรับปรุงอีก ไม่มีสูตรไหนที่ทานยาสองเม็ดแล้วบ้านเมืองดีขึ้นเลย"นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า หลังจากมีการปรับปรุงมาตรการจะมีการติดตาม โดยจะมีการประชุมกับหน่วยงานทางด้านความมั่นคงทุกๆ 3 วัน และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม ครม.วันนี้คงยังไม่มีการขออนุมัติอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่ประเด็นที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคือเรื่องกล้อง CCTV ซึ่งในอนาคตอาจจะต้องมีการปรับปรุงคุณภาพกล้อง CCTV ให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ส่วนงานด้านการวที่ต้องมีการปรับปรุง คือวิธีการได้มาของข่าวให้มากยิ่งขึ้น
ด้านนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้ประเมินสรุปสถานการณ์พื้นที่ที่จะมีการคงพ.รก.ฉุกเฉิน หรือยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเสนอนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังมีเวลาที่จะตัดสินใจ เพราะว่าจะสิ้นสุดการบังคับใช้พ.ร.ก.ในวันที่ 5 ต.ค. ดังนั้นตอนนี้ยังมีเวลาพิจารณาอยู่ ซึ่งคาดว่าถ้าจะยกเลิกคงไม่เกิน 7 จังหวัด ซึ่งตามที่กระทรวงมหาดไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และสันติบาลเสนอมาใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม ทางสมช. รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงก็มีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา ทั้งนี้จากเหตุระเบิดและเหตุไม่สงบที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จะต้องแยกประเด็นกัน เนื่องจากบางเรื่องอาจเป็นเรื่องส่วนตัว อาชญากรรม หรือเป็นเรื่องการเมือง เช่นกรณีที่ตลิ่งชัน พระราม 3 มองว่าเป็นอาชญากรรมตามปกติ ส่วนอาวุธที่หายไปจากคลังแสง ไม่น่าจะเกี่ยวเหตุไม่สงบ น่าจะเกี่ยวกับการค้าอาวุธสงครามธรรมดา ซึ่งตรงนี้มีการจับกุมและนำกลับมาคืนได้แล้วบางส่วน
ส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นการเมืองจริงๆ คือ กรณีของการะเบิดหน้าสนามม้านางเลิ้ง กระทรวงสาธารณสุข โรงเรียนสันติราษฎร์ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน มองว่าตรงนี้มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง และยังมีบางกลุ่มยังมุ่หวังที่จะก่อกวน ซึ่งได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ระมัดระวังเป็นพิเศษ และพยายามอย่างเต็มที่ในการดูแลสถานการณ์ ซึ่งรองนายกฯ สุเทพ ได้กำชับหน่วยงานด้านความมั่นคง การข่าว ทำงานเข้มงวดยิ่งขึ้น ด้วยการตั้งจุดตรวจ ซึ่งจะมีการทำงานในเชิงรุกมากขึ้น เพราะแม้ว่าจะมีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่แล้วก็ยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอยู่
ส่วนกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า จากนี้ไปถึงสิ้นปียังคงมีเหตุป่วนอยู่ นายถวิล กล่าวว่า ก็มีการประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ไม่ประมาท ก็มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ให้เกิดขึ้น