พล.ต.ท. ชัจจ์ กุลดิลก รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคเพื่อไทยมีความห่วงใยเหตุระเบิดทั่วกรุงในระยะนี้ เพราะมองว่า เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะเหตุการณ์ช่วงแรกเกิดขึ้นช่วงก่อนการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มองว่าอาจทำเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ ผบ.ช.น.และผู้ก่อเหตุยังคงทำต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันเพราะมีผู้ที่ได้รับผลประโยชน์บางเรื่อง
ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้แม้แต่รายเดียว ซึ่งตามปกติในคดีอื่นๆมักจะได้ภาพคนร้ายจากกล้อง CCTV เสมอๆ ทุกครั้ง การระเบิดมิได้มุ่งหวังทำร้ายบุคคล มักจะเกิดขึ้นที่กำแพง รั้ว สนามหญ้า ลานจอดรถ จึงสรุปได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ เพื่อมุ่งหวังอย่างใดอย่างหนึ่ง
พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ยผลประโยชน์บางเรื่องดังกล่าว เกี่ยวข้องกับศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ซึ่งได้ใช้จ่ายเงินของรัฐในการปฏิบัติหน้าที่ค่อนข้างสูงผิดปกติ จึงไม่ต้องการให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ดังนั้น ในช่วงที่จะต้องประเมินผลของ ศอฉ.ที่จะเสนอรัฐบาลพิจารณายกเลิกการลบังคับใช้ จึงมีเหตุระเบิดขึ้นเนืองๆ ในหลายท้องที่
หลังเกิดเหตุการณ์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงได้ออกมาขอโทษประชาชนที่มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นว่าไม่สามารถระงับไว้ได้ ขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)กลับระบุว่าจะมีระเบิดขึ้นจนถึงสิ้นปี รวมถึง ผบ.ตร. กล่าวว่ามีการเกี่ยวข้องของกลุ่มนักการเมือง การกล่าวทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดความคลางแคลง และหวั่นไหวในหมู่ประชาชน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสังคมไทย
"ขอถามนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพว่า มีการใช้เงิน ในการทำงานของ ศอฉ. สูงถึงเดือนละหลายร้อยล้านจริงหรือไม่ เหตุใดจึงต้องจ่ายมากมายเช่นนั้น เพราะเหตุการณ์สงบแล้ว...ถ้านายอภิสิทธิ์มีความจริงใจให้เหตุการณ์ยุติย่อมทำได้ไม่ยากเพราะขีดความสามารถของตำรวจทำได้อยู่แล้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ. วิเชียร ก็แสดงให้เห็นว่าเดินมาถูกทางแล้ว อย่าให้ลูบหน้าปะจมูกก็แล้วกัน"