ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า กระแสปรองดองขณะนี้เป็นเรื่องดี แต่ขอฟันธงว่าเป็นไปได้ยากในรัฐบาลนี้ เพราะการปรองดองต้องเกิดขึ้นทุกภาคส่วน แต่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีความได้เปรียบกลับยังไม่มีท่าทีในการปรองดองแม้แต่น้อย และถ้าวันหนึ่งพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยจับมือกัน ญาติผู้เสียชีวิต 91 ศพ ก็คงไม่ยอม
ทั้งนี้ การปรองดองที่ดีที่สุดคือทุกพรรคต้องนำเสนอแผนปรองดองเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยจุดขายของพรรคเพื่อไทยต้องชู พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะประชาชนยังมีความชื่นชอบ รวมทั้งต้องทำให้ประชาชนเกิดความสงสารที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้รับความเป็นธรรม
"หากพรรคใช้แนวทางนี้ เชื่อว่าจะชนะเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนเสียงในสภาแน่ หลังจากชนะแล้ว พรรคก็ต้องมาลงมติเลือกกันว่าจะเอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว พร้อมระบุว่า การจะให้ใช้ตน หรือนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หรือพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นจุดขายก็คงจะขายไม่ออกแล้ว
ส่วนกรณีการตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์นั้น ร.ต.อ.เฉลิม วิเคราะห์ว่าจะไม่มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน โดยพรรคประชาธิปัตย์จะชนะฟาล์วเนื่องจากในการพิจารณาคดียุบพรรคอำนาจชี้ขาดอยู่ที่นายทะเบียนพรรคการเมือง(ประธาน กกต.) ซึ่งวินิจฉัยแล้วว่าไม่ยุบ แต่ กกต.กลับลงความเห็นให้ยุบพรรคและส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญออกทางนี้พรรคประชาธิปัตย์อาจจะหลุดคดีด้วยปัญหาข้อกฎหมาย แม้ว่าข้อเท็จจริงในคดีพรรคประชาธิปัตย์ไปไม่รอดอยู่แล้ว
"คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ออกได้ 4 ทาง คือ 1.ถ้าที่สุดศาลรัฐธรรมนูญตัดสินไม่ยุบพรรค ทุกอย่างก็จบ 2.ถ้ายุบพรรคและไม่มีการตัดสิทธิเลือกตั้งและกรรมการบริหารพรรค เรื่องก็จบเช่นกัน 3.ถ้ายุบพรรคอีกกรณีก็ต้องดูว่าตัดสิทธิเลือกตั้งใครบ้าง และ 4. ถ้ายุบพรรคและมีการตัดสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เสียเปรียบ เขาก็ยุบสภา" ร.ต.อ.เฉลิม วิเคราะห์
ส่วนกระแสการปรับสูตรรัฐบาลที่มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะดึงพรรคภูมิใจไทย(ภท.)ออกแล้วให้พรรคเพื่อแผ่นดิน(พผ.)เข้าไปแทนนั้น ร.ต.อ.เฉลิม มองว่า สูตรนี้สามารถทำได้ไม่ผิด เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีคะแนนนิยมดี คงไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล