กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐจะมีอัตราการขยายตัวต่อปีที่ระดับ 2.6% ในปีนี้และ 2.3% ในปีหน้า
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook หรือ WEO) ของไอเอ็มเอฟระบุว่า อัตราว่างงานของสหรัฐคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 9.7% ในปีนี้ และ 9.6% ในปีหน้า ขณะที่กระทรวงแรงงานของสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานของสหรัฐที่ขยับขึ้นแตะ 9.6% ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
"ผู้บริโภคชาวสหรัฐเริ่มเก็บออมเงินมากขึ้นและใช้จ่ายน้อยลง ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว แต่อาจฉุดรั้งดีมานด์ในระยะสั้น ขณะที่การลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัยจะยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในเชิงลบอยู่บ้าง ส่วนความเปราะบางของระบบการเงินนั้นจะยังสร้างแรงกดดันต่อธุรกิจสินเชื่อต่อไป"
ไอเอ็มเอฟแนะว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายแห่ง โดยเฉพาะสหรัฐที่พึ่งดีมานด์ภายในประเทศมากเกินไปนั้น ต้องหันมาพึ่งการส่งออกให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟระบุว่า อัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐอยู่ในระดับปานกลาง โดยผู้บริโภคยังคงเผชิญแรงต้านในส่วนของหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง สวนทางกับมูลค่าสินทรัพย์ที่ตกต่ำลง ตลอดจนการขยายตัวของสินเชื่อที่ตกต่ำ แม้ว่าสหรัฐจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายแล้วก็ตาม
"อัตราการออมส่วนบุคคลจะยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าเมื่อครั้งก่อนเกิดวิกฤตการเงิน ส่วนดุลบัญชีงบประมาณสาธารณะอาจทรุดตัวลงอีก" ไอเอ็มเอฟระบุ พร้อมทั้งเสริมว่า แนวทางการใช้นโยบายในสหรัฐจะส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศอื่นๆ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีบทบาทเป็นสกุลเงินหลักในทุนสำรองและมีความสำคัญต่อสหรัฐในฐานะเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ดังนั้น ทางการสหรัฐควรใช้นโยบายการเงินที่ส่งผลในแง่บวกต่อเศรษฐกิจมากขึ้น นอกเหนือไปจากการมุ่งใช้นโยบายด้านการค้าเพียงอย่างเดียว สำนักข่าวซินหัวรายงาน