นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการปรับโครงสร้างสินค้ากาแฟแบบครบวงจร เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการเปิดตลาดสินค้าภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน ซึ่งมีเป้าหมายดำเนินการในสถาบันเกษตรกร 3 แห่ง ประกอบด้วย 1) สหกรณ์ผู้ปลูกกาแฟจังหวัดชุมพร 2) กลุ่มเกษตรกรทำสวนเขาทะลุ อ.สวี จ.ชุมพร และ 3) กลุ่มเกษตรกรทำสวน จปร. อ.กระบุรี จ.ระนองว่า ศูนย์ประเมินผล ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาพบว่า เกษตรกรสมาชิกโครงการได้รับการอบรม / ดูงาน เกี่ยวกับการปรับปรุงดูแลสวนกาแฟตามหลักวิชาการ
พร้อมทั้งได้รับวัสดุอุปกรณ์ปัจจัยการผลิตในการนำไปปฏิบัติ และมีการจัดทำแปลงตัวอย่าง ซึ่งเกษตรกรสมาชิกโครงการจะนำความรู้ไปขยายผลในพื้นที่ของตนเองต่อไป นอกจากนี้แปลงตัวอย่างร้อยละ 89 ของจำนวนทั้งหมด (30 แปลง) มีเกษตรกรรายอื่นๆ เข้ามาศึกษาดูงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้จำนวนเฉลี่ย 23 รายต่อแปลง ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจและจะนำไปปฏิบัติในแปลงของตนเอง โดยเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนได้
ทั้งนี้ กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ได้สนับสนุนเงินทุนจำนวน 54.443 ล้านบาท เพื่อใช้จ่ายในการส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ จำนวน 23.214 ล้านบาท และเป็นเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยของสถาบันเกษตรกรในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์แปรรูปและบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรวบรวมผลผลิตกาแฟจากเกษตรกร จำนวน 31.230 ล้านบาท มีระยะเวลาโครงการ 7 ปี
สำหรับสถาบันเกษตรกรทั้ง 3 แห่ง ได้นำเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยที่ได้รับ ไปดำเนินการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์แปรรูปและบรรจุภัณฑ์กาแฟ คาดว่าเมื่อเสร็จสมบูรณ์จะสามารถแปรรูปเพิ่มมูลค่าและพัฒนาธุรกิจกาแฟอย่างมืออาชีพต่อไป