นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทนธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ประจำประเทศไทย โดยเอดีบีได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยผลักดันให้มีการเชื่อมโยงเส้นทางโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งขอให้ผลักดันการดำเนินการตามความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว โดยเอดีบีพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งได้แจ้งเอดีบีไปว่าความต้องการของเอดีบีเป็นแผนงานที่กระทรวงกำลังดำเนินการอยู่แล้ว
"สิ่งที่เอดีบีเสนอมา อยู่ในแผนที่จะทำอยู่แล้ว เพราะไทยตั้งใจผลักดันเรื่องการเชื่อมโยงด้านการขนส่งภายในอาเซียน และเห็นว่าการเชื่อมโยงและอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งโลจิสติกส์ในภูมิภาคจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน ก่อนที่จะก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจ (AEC) ในปี 2558" นายอลงกรณ์ กล่าว
สำหรับการคมนาคมขนส่งข้ามพรมแดนนั้น ไทยมีแผนจะหารือกับกัมพูชาเพื่อเจรจาขอขยายการแลกเปลี่ยนโควตารถบรรทุกระหว่างกันเป็น 100 คัน จากเดิมที่ตกลงไว้ 40 คัน ซึ่งเท่ากับจำนวนที่กัมพูชาให้กับเวียดนาม รวมทั้งมีแผนจะเชื่อมโยงโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งด้านการขนส่งทางบก ทางอากาศ และทางเรือ
ขณะเดียวกัน ไทยมีแผนผลักดันเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวใต้ (ไทย-กัมพูชา-เวียดนาม) ให้ขยายต่อไปยังพม่า เพื่อเชื่อมกับท่าเรือน้ำลึกทวายของพม่า ซึ่งสามารถเชื่อมโลจิสติกส์ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและต่อไปยังจีน, เอเชียใต้, ตะวันออกกลาง และยุโรป
อย่างไรก็ดี ไทยได้ขอให้เอดีบีสนับสนุนเงินทุนสำหรับการก่อสร้างเส้นทางระหว่างไทย-มาเลซีย ได้แก่ 1.เส้นทางด่วน หาดใหญ่-จังโหลน 2.อุโมงค์สตูล-ปะลิส เพื่อสนับสนุนภาคใต้เป็นประตูการค้าสู่มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย และ 3.เส้นทางถนนระหว่างบางใหญ่ (นนทบุรี)-กาญจนบุรี เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ท่าเรือน้ำลึกทวายของพม่า