ธปท.กำหนดให้แบงก์แจ้งหนี้เงินต้นรวมดอกเบี้ยและค่าปรับกับลูกค้าตามจริง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 7, 2010 16:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต(กคค.)กล่าวว่า ที่ประชุม กคค.มีมติให้ออกประกาศเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลเครดิตของบริษัทข้อมูลเครดิตและการส่งข้อมูลเครดิตของสมาชิก โดยให้สถาบันการเงินนำส่งข้อมูลสินเชื่อที่เป็นเงินต้นและดอกเบี้ยที่มีสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายแจ้งให้ลูกค้าทราบตามจริง

ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาร้องเรียนจากผู้บริโภคเกี่ยวกับการเรียกเก็บหนี้ 2 แบบ ทำให้เกิดความสับสน และเข้าใจไม่ตรงกัน โดยสถาบันการเงินใช้วิธีจัดเก็บหนี้แบบบันทึกบัญชี หากมีลูกหนี้ค้างชำระก็จะบันทึกเป็นบัญชีดอกเบี้ยค้างรับไว้เพียง 3 เดือนเท่านั้น และแจ้งยอดหนี้ที่ลูกค้าต้องชำระ ซึ่งอาจต่ำกว่าความจริง

วิธีดังกล่าวต่างจากการบันทึกข้อมูลเครดิตของบริษัทข้อมูลเครดิตเพื่อรายงานลูกหนี้ของสถาบันการเงิน จะประมวลผลข้อมูลวงเงินสินเชื่อ ยอดชำระในแต่ละงวดและยอดหนี้ที่ค้างชำระ ซึ่งรวมทั้งดอกเบี้ยในหนี้ค้างชำระหรือดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดชำระที่สถาบันการเงินมีสิทธิเรียกร้องทั้งหมด ไม่ว่าสถาบันการเงินจะบันทึกดอกเบี้ยในบัญชีหรือไม่ก็ตาม

“การประมวลผลข้อมูลตามสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต จะรวมข้อมูลวงเงินสินเชื่อ ยอดชำระในแต่ละงวด และยอดหนี้ที่ค้างชำระ ซึ่งรวมทั้งดอกเบี้ยหนี้ค้างชำระหรือดอกเบี้ยผิดนัดชำระที่สถาบันการเงินมีสิทธิเรียกร้อง ไม่ว่าจะบันทึกดอกเบี้ยในบัญชีหรือไม่ก็ตาม แตกต่างจากสินเชื่อประเภทเช่าซื้อและให้เช่าแบบลิสซิ่ง และสินเชื่ออื่นๆ จะไม่รวมค่าปรับ ค่าบริหารหรือค่าธรรมเนียมที่เป็นค่าใช้จ่ายใดๆ เกี่ยวกับสินเชื่อในยอดหนี้ที่ค้างชำระ ยอดหนี้คงเหลือ ยอดวงเงินที่ใช้ไปเกินกำหนดชำระ หรือยอดเงินคงค้างในลักษณะเดียวกัน"นายสรสิทธิ์ กล่าว

สำหรับกรณีที่มีการฟ้องคดีต่อศาล เพื่อบังคับชำระหนี้สินเชื่อที่ผิดนัด และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ให้สถาบันการเงินส่งจำนวนหนี้ที่ต้องชำระตามคำพิพากษาของศาล โดยรวมดอกเบี้ยเป็นยอดหนี้ที่ค้างชำระ

นอกจากนี้ ยังออกประกาศเกี่ยวกับอายุของข้อมูลในการประมวลผลของบริษัทข้อมูลเครดิต กรณีลูกหนี้ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย แล้วต่อมาภายหลังได้รับการปลดจากล้มละลาย ให้สถาบันการเงินส่งข้อมูลเครดิตไปให้บริษัทข้อมูลเครดิตต่อไปอีกไม่เกิน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับการปลดจากล้มละลาย และบริษัทข้อมูลเครดิตสามารถประมวลผลได้ไม่เกิน 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับข้อมูลจากสถาบันการเงิน

อย่างไรก็ตาม อายุของข้อมูลในการประมวลผลของบริษัทข้อมูลเครดิต ยังคงให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ต้องมีอายุไม่เกิน 5 ปี นับตังแต่วันที่บริษัทข้อมูลเครดิตได้รับการส่งและรายงานข้อมูลจากสมาชิก ยกเว้นข้อมูลที่เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลหรือสินเชื่อบัตรเครดิตให้มีอายุไม่เกิน 3 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ