จิม โอนีล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมนแซคส์กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนจะสามารถขยายตัวได้ที่ระดับ 10% ในปีนี้และปีหน้า
โดยในช่วงปี 2543 -2552 อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนรั้งอยู่ในอันดับ 3 ของโลก ตามหลังกลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา แต่ในปีนี้ จีนได้แซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลก ซึ่งโอนีลคาดว่า เศรษฐกิจจีนจะมีปัจจัยหนุนที่กระตุ้นการขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในอีก 10 ปีต่อจากนี้ และจะก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจจีนมีส่วนขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย ดังจะเห็นได้จากยอดส่งออกจากเยอรมนีที่ส่งไปยังประเทศจีนซึ่งพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในกลุ่มประเทศยุโรป ขณะที่นักศึกษาชาวจีนจำนวนมากแห่มาเรียนต่อที่สหราชอาณาจักร ซึ่งกระแสดังกล่าวมีส่วนกระตุ้นอุตสาหกรรมการศึกษาในสหราชอาณาจักรได้อย่างมหาศาล
ทั้งนี้ โอนีลย้ำว่า จีนเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก และยังเป็นประเทศที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอเพราะสินค้าทุกประเภทที่จีนซื้อนั้นมักจะมีราคาแพงขึ้น อย่างไรก็ตาม จีนกำลังพยายามลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบให้ลดน้อยลง
นอกจากนี้ โอนีลเชื่อว่า รัฐบาลจีนจะสามารถรับมือกับปัญหาเรื่องต้นทุนแรงงานที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อมที่อาจเป็นอุปสรรคกีดขวางการพัฒนาประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน