นายโดมินิก สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ชี้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง เนื่องจากอัตราการขยายตัวในแต่ละประเทศยังเป็นไปในทิศทางที่แตกต่างกัน แต่เชื่อว่าทั่วโลกจะรอดพ้นจากภาวะถดถอยรอบสอง
"จริงอยู่ที่เศรษฐกิจโลกกำลังขยายตัว แต่ระดับการขยายตัวนั้นยังไม่มากพอ และหลายประเทศจำเป็นต้องเพิ่มการจ้างงานมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มความพยายามในการเดินหน้าปฏิรูปภาคการเงิน" ผอ.ไอเอ็มเอฟระบุ
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟประกาศว่า ทางไอเอ็มเอฟอาจกำหนดข้อบังคับให้มีการตรวจสอบเสถียรภาพทางการเงินเชิงลึกของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ 25 ประเทศทุกๆ 5 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ความเสี่ยงในระบบการเงินของประเทศเหล่านี้เข้าไปผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน จนนำไปสู่สถานการณ์ความผันผวนในตลาดเงินทั่วโลกครั้งใหม่
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟยังระบุว่า กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ควรมีบทบาทในไอเอ็มเอฟมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจจีนและประเทศอื่นๆในเอเชีย รวมถึงกลุ่มประเทศลาติน อเมริกายังขยายตัวได้ดี แต่ที่น่ากังวล คือ เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปยังฟื้นตัวได้ไม่เร็วพอ
รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ 4.8% ในปีนี้ และ 4.2% ในปีหน้า ส่วนกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีอัตราการขยายตัวที่ 2.7% ในปีนี้ และ 2.2% ในปีหน้า หลังจากที่หดตัวลง 3.2% ในปีก่อน สำหรับเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะเติบโตได้กว่า 7.1% และ 6.4% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ หลังจากที่ขยายตัวในระดับ 2.5% เมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่และประเทศตลาดเกิดใหม่ 2-3 แห่งยังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเหล่านี้ยังคงเชื่องช้า ท่ามกลางปัญหาด้านอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง
ในทางตรงกันข้าม ประเทศตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่งเริ่มกลับมาขยายตัวอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง เนื่องจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ไม่เคยเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องส่วนเกินครั้งรุนแรงก่อนช่วงที่จะเกิดภาวะถดถอยครั้งใหญ่
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในวันนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางและรัฐมนตรีคลังจากทั่วโลกจะมารวมตัวกันเพื่อเข้าร่วมประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก ที่กรุงวอชิงตัน