นายประกิต ประทีปะเสน ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย เปิดเผยว่า 3 สมาคมน้ำตาลมีความเป็นห่วงว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของชาวไร่อ้อย
เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาล 70% เป็นของชาวไร่อ้อย และน้ำตาลที่ผลิตได้ในประเทศจะส่งออกไปขายต่างประเทศประมาณ 2 ใน 3 ของทั้งหมด โดยจะตีราคาเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้รายได้จากการส่งออกลดลง
"3สมาคมฯ ได้ศึกษาผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยนและราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลก ที่ส่งผลต่อราคารับซื้ออ้อย พบว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุกๆ 1 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จะส่งผลให้ราคารับซื้ออ้อยลดลงประมาณ 23 บาท/ตัน" นายประกิตกล่าว
ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวต่อว่า ในการกำหนดราคารับซื้ออ้อยขั้นต้นของฤดูการผลิตปี 2553/2554 หากใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 30.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ค่าความหวานเฉลี่ย 10 ซี.ซี.เอส. และราคาน้ำตาลทรายดิบส่งออก (โควตา ข.) อยู่ที่ 20.50 เซนต์/ปอนด์ คาดว่าราคาอ้อยขั้นต้นจะอยู่ที่ 977.56 บาท/ตัน แต่หากเงินบาทแข็งค่ามาอยู่ที่ 29.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ราคาอ้อยขั้นต้นจะลดลงเหลือ 954.01 บาท/ตัน และหากเงินบาทแข็งค่ามาที่ระดับ 29 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ราคาอ้อยขั้นต้นจะลดลงเหลือ 942.24 บาท/ตัน ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาอ้อยขั้นต้นของฤดูการผลิตปี 2552/2553 ที่ 965 บาท/ตัน จะทำให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้ลดลงเกือบ 23 บาท/ตันอ้อย และยิ่งหากนำไปเปรียบเทียบกับราคาอ้อยขั้นสุดท้ายของฤดูการผลิตปี 2552/2553 ซึ่งคาดว่าเฉลี่ยทั่วประเทศจะสูงถึง 1,102 บาท/ตันอ้อย ก็จะเห็นว่าต่ำกว่ากันถึงประมาณ 160 บาท/ตันอ้อย
"3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทรายคงทำอะไรไม่ได้ในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน แต่อยากจะฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตระหนักด้วยว่า อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย รวมไปถึงชาวไร่อ้อยก็ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งจากการศึกษาความผันแปรของอัตราแลกเปลี่ยนต่อราคาอ้อยที่ราคาน้ำตาลทรายดิบส่งออก 20.50 เซนต์/ปอนด์ อัตราแลกเปลี่ยนที่จะทำให้ได้ราคาอ้อยขั้นต้นของฤดูการผลิตปี 2553/2554 ที่ 965.79 บาท/ตัน ใกล้เคียงกับราคาอ้อยขั้นต้นของปีที่แล้ว ค่าเงินบาทควรอยู่ที่ 30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ"นายประกิตกล่าว
ทั้งนี้ ในอดีตเมื่อราคาอ้อยต่ำกว่าที่คาดหมาย รัฐบาลก็จะพยายามหาทางช่วยเหลือชาวไร่อ้อยโดยให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ที่มีหน้าที่รักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. มาจ่ายค่าอ้อยเพิ่ม ซึ่งก็จะเป็นภาระผูกพันต่อไป ดังนั้น หากรัฐบาลมีหนทางอื่นที่จะช่วยไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าไปมากกว่านี้ ก็อาจจะไม่ต้องใช้วิธีเพิ่มภาระเงินกู้ให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย