นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการติดตามรายงานผลการแก้ไขปัญหาในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียง จังหวัดระยอง เปิดเผยว่า ได้มีมติให้กระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เข้ามาร่วมรับผิดชอบในโครงการพัฒนาปรับปรุงและเสริมสร้างประสิทธิภาพของกระบวนการติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมในรายงานผล กระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เพื่อให้ครอบคลุมการจัดทำระบบอีไอเอทั้งระบบ
รวมทั้งให้เร่งประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อหารือถึงชนิดของการปลูกต้นไม้ความสูง 3 ระดับ และมาตรฐานทดแทนอื่น เช่นกำแพง เพื่อเป็นแนวป้องกันระหว่างที่อยู่อาศัยกับโรงงาน ไม่ให้เกิดมลพิษกับชุมชนหรือที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้จังหวัดระยองและกรมส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งส่งรายละเอียดของแผนปฏิบัติการโครงการเร่งด่วนเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขต ควบคุมพลพิษ จังหวัดระยอง ในส่วนที่ยังไม่ได้รับงบประมาณซึ่งไม่รวมโครงการของ กนอ. ที่จะเสนอที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ต่อไป และให้ทส.เร่งประสานงานกับเทศบาลเมืองมาบตาพุด เพื่อศึกษาแนวทางการกำจัดขยะด้วยวีธีอื่นให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน โดยต้องมีการนำกลับมาใช้ประโยชน์โดยเฉพาะพลังงานทางเลือก หลังจากที่พบว่าโครงการจำกัดขยะของเทศบาลเมืองมาบตาพุดยังไม่สามารถประมูล ได้เพราะติดปัญหาในหลายด้าน
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังมอบหมายให้คณะทำงานระดับจังหวัดรายงานความต้องการน้ำของประชาชน ระหว่างที่โครงการประปายังไม่แล้วเสร็จ และให้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาและวงเงินงบประมาณให้ชัดเจน และให้สาธารณสุขจังหวัดไปหาแนวทางให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงได้รับการ ตรวจสุขภาพทุกคนพร้อมติดตามผลการตรวจอย่างใกล้ชิด ส่วนโครงการติดตั้งชุดตรวจวัดสารอินทรีย์และป้ายแสดงผล,โครงการก่อสร้าง สถานีตรวจวัดคุณภาพน้ำและโครงการจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมใน ชุมชน มูลค่ารวม 31 ล้านบาท นั้นที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการ นำไปจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอแผนปฏิบัติการในการลงพื้นที่ในวันที่ 29 ต.ค.ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ คณะอนุกรรมการฯ จะลงพื้นที่ติดตามผลการแก้ไขปัญหาที่มอบมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ไปเร่งดำเนินงาน และกำหนดลงพื้นที่ทุก 2 อาทิตย์ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเดินหน้าได้ต่อเนื่องเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด เพื่อพลิกฟื้นและเร่งพัฒนาพื้นที่มาบตาพุดให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่เป็น มิตรกับสิ่งแวดล้อม หรืออีโคทาวน์ให้ได้ภายใน 3 ปี นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดเวทีดีเบต ระหว่างนายกรัฐมนตรี ภาคประชาชนและตัวแทนจากกลุ่มส.ว.และส.ส. เพื่อชี้แจงการออกประกาศประเภทกิจการรุนแรงทั้ง 11 ประเภทของรัฐบาลนั้นว่า ขณะนี้ได้ประสานงานกับกลุ่มบุคคลต่างๆที่จะร่วมเวทีดีเบตด้วย คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้น
“ตราบใดที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และเร่งเข้าไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่อย่างจริงจัง ก็จะทำให้ประชาชนเข้าใจและมั่นใจกับการทำงานของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น" นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว