นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวยอมรับว่า กระทรวงการคลังได้ศึกษามาตรการการจัดเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% จากกำไรการลงทุนในพันธบัตรของนักลงทุนต่างชาติ
นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นผู้ส่งออกซึ่งได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท โดยจะมีการปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง และการทำประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยคาดว่าแหล่งเงินจะมาจากธนาคารออมสินที่จะปล่อยสินเชื่อต่อให้กับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์)และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามารับค้ำประกันสินเชื่อให้ลูกหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน
แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับวงเงินปล่อยสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ย และการรับเงินชดเชยความเสียหายจากภาครัฐ แต่จะไม่มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงิน
อย่างไรก็ตาม มาตรการต่าง ๆ ดังกล่าวคงต้องรอให้นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เดินทางกลับมาจากการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)ที่ประเทศสหรัฐ เพื่อได้ให้ข้อสรุปและคาดว่า รมว.คลัง จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาในวันพรุ่งนี้