นายประสาร ไตรรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า ขณะนี้เงินบางยังคงแข็งค่าขึ้นและไม่มีจุดดุลยภาพ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐแลละยุโรปยังมีปัญหา ดังนั้นการดำเนินการใด ๆ ในขณะนี้ต่อเงินบาทอาจเป็นการสุ่มเสี่ยงและอันตราย โดยเฉพาะการใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
"ปัญหาใหญ่มาจากอเมริกาและยุโรปเศรษฐกิจไม่ดี ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียดี ซึ่งไม่รู้ว่าจุดดุลยภาพอยู่ตรงไหน การใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่จะสร้างปัญหา ตลาดไม่ได้เชื่อดุลยภาพเทียมที่เกิดขึ้นมา และทำให้มีต้นทุนสูง และอาจจะมีความเสียหาย ซึ่งเรามีบทเรียนในปี 40"นายประสาร กล่าว
ทั้งนี้ การทำนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนคงที่อย่างที่มีผู้เสนอแนะนั้น มีความเสี่ยงสูง เพราะเรามีบทเรียนจากปี 40 ที่เปลี่ยนมาใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวแบบมีการจัดการเพื่อให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ส่วนแนวทางการจัดเก็บภาษีเหมือนอย่างประเทศบราซิลนั้น การศึกษามาตรการภาษีเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง โดยธปท.พยายามดำเนินนโยบายเสถียรภาพด้านราคา และดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย
"มันเป็นความเห็นที่เข้ามา เราก็พยายามดูแลอยู่ ทั้งเศรษฐกิจระยะสั้นและระยะยาว เราทำดีที่สุด แต่จะทำให้ถูกใจทุกฝ่ายไม่ได้ เพราะเงินบาทที่แข็งค่ามีทั้งผู้ได้และผู้เสีย ซึ่งเรามีมาตรการในการรับมืออยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าเข้มงวดเกินไป ก็จะกระทบคนอื่น ดังนั้นต้องเอาสถานการณ์จริงมาประกอบการพิจารณาดอกเบี้ยด้วย"นายประสาร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและส่งออก แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้นำเข้าที่ได้ประโยชน์ ซึ่งขณะนี้ธปท.ก็ดูแลอยู่ โดยเงินบาทยังเกาะกลุ่มภูมิภาคตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันแข็งค่าขึ้นมา 11% ถือว่าเป็นระดับกลาง ๆ ธปท.ยังติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกับเศรษฐกิจ
สำหรับการพิจารณานโยบายอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ก็เป็นการตัดสินใจของ กนง. ซึ่งจะนำข้อมูลเศรษฐกิจ อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงมาประกอบกัน ค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงบ้างก็ต้อง แต่ก็ต้องพิจารณาข้อมูลด้านอื่น ๆ อีกครั้ง