สำนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารใน 49 รัฐของสหรัฐและเมืองวอชิงตันดีซี เดินหน้าตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานว่าสถาบันการเงินในสหรัฐดำเนินการอย่างถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ ก่อนที่จะยึดบ้านที่หลุดจำนองของประชาชนที่ผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ ยังตรวจสอบด้วยว่าสถาบันการเงินเหล่านี้ยื่นเอกสารที่เป็นเท็จและละเมิดกฎหมายในการยึดบ้านหลุดจำนองที่มีอยู่หลายแสนหลังคาเรือนหรือไม่
การดำเนินการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีรายงานอันอื้อฉาวไปทั่วสหรัฐว่า เอกสารที่สถาบันการเงินใช้อ้างอิงในการยึดบ้านของประชาชนนั้น เป็นเอกสารที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้มีรายงานว่า พนักงานของสถาบันการเงินรายใหญ่ 4 แห่งได้เซ็นเอกสารการยึดบ้านหลุดจำนองโดยไม่ได้อ่านข้อมูลในเอกสารอย่างละเอียดรอบคอบ
ทั้งนี้ สำนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารกล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ต้องการตรวจสอบเพื่อระบุหาสาเหตุของปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการปล่อยเงินกู้จำนอง โดยนายทอม มิลเลอร์ อัยการประจำรัฐไอโอวาซึ่งเป็นผู้นำในการตรวจสอบกล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะตรวจสอบหาความบกพร่องของเอกสารเท่านั้น แต่ต้องการตรวจสอบว่าสถาบันการเงินดำเนินการอย่างผิดกฎหมายจนเป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนมากต้องสูญเสียบ้านหรือไม่
แถลงการณ์ร่วมของสำนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารของสหรัฐบ่งชี้ว่า ทางเจ้าหน้าที่จะพิสูจน์หาหลักฐานว่า เอกสารที่ลงนามโดยพนักงานของสถาบันการเงินนั้น เป็นการลงนามโดยไม่ได้ไตร่ตรองรายละเอียดอย่างรอบคอบและไม่มีลายเซ็นของพยานกำกับอยู่ด้วยหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าเป็นจริงก็ถือเป็นการละเมิดกฎหมายของรัฐ
เรียลตี้แทรค อิงค์ (RealtyTrac Inc) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของสหรัฐ ระบุว่า จำนวนบ้านที่ถูกยึดอันเนื่องมาจากการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้ในสหรัฐมีอยู่มากกว่า 2.5 ล้านหลัง นับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเดือนธ.ค.2550 ขณะที่มูดี้ส์ อนาไลติกส์คาดว่า จำนวนบ้านถูกยึดจะเพิ่มขึ้นอีก 3.3 ล้านหลังในอีก 4 ปีข้างหน้า