นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า การใช้พลังงานในช่วงเดือน ก.ย.53 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ส.ค.53 โดยการใช้น้ำมันเบนซินรวมอยู่ที่ 20.3 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 2%, น้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 47.4 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 3%, ก๊าซหุงต้ม(LPG) อยู่ที่ 16,100 ตัน/วัน หรือ 482,000 ตัน/เดือน เพิ่มขึ้น 3% และก๊าซธรรมชาติ(NGV) อยู่ที่ 5,300 ตัน/วัน เพิ่มขึ้น 5% ทั้งนี้คาดว่าในเดือน ต.ค.นี้จะมีการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรที่มีการใช้เพิ่มสูงขึ้นเป็นประจำในช่วงไตรมาสที่ 4 ของทุกปี
สำหรับปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงไตรมาสที่ 3 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ยกเว้นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเพียงชนิดเดียวที่มีอัตราการใช้ลดลง โดยมีการใช้น้ำมันเบนซินรวมเฉลี่ย 20.3 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 1% และ LPG รวม 15,300 ตัน/วัน หรือ 469,000 ตัน/เดือน เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่น้ำมันดีเซลหมุนเร็วมีอัตราการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 47.5 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากไตรมาส 2 อยู่ 7% เนื่องจากในเดือน ก.ค.-ส.ค.เป็นช่วงฤดูมรสุมมีฝนตกหนักและมีน้ำท่วมในบางพื้นที่
ด้านการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงภาพรวมในไตรมาส 3 มีปริมาณรวม 12,419 ล้านลิตร ปรับลดลงจากไตรมาส 2 ซึ่งมีการนำเข้ารวม 13,165 ล้านลิตร หรือคิดเป็น 5.7% มีมูลค่านำเข้ารวม 188,121 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 2 ซึ่งมีมูลค่า 212,487 ล้านบาทหรือคิดเป็น 11.5% ซึ่งเป็นการนำเข้า LPG มาจากต่างปร เทศ 363,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 7,600 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป มีปริมาณ 3,700 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ประมาณ 24% คิดเป็นมูลค่า 59,000ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ประมาณ 15%
อธิบดี ธพ.กล่าวว่า มูลค่าการนำเข้าพลังงานในปีนี้อาจลดลง 10% โดยเหลือเพียง 9 แสนล้านบาท จากปีที่แล้วประเทศไทยมีการนำเข้าพลังงานมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท เนื่องจากได้รับอานิสงน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ขณะที่ราคาน้ำมันเมื่อเทียบเป็นเงินบาทตั้งแต่ต้นปีก็มีผลทำให้ต้นทุนขายปลีกลดลงประมาณ 1.80บาท/ลิตร
ส่วนการนำเข้า LPG ในปีหน้า แม้โรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 6 เปิดดำเนินการแล้วแต่ยังคงต้องนำเข้าประมาณ 1 แสนตัน/เดือน ตามความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ บมจ.ปตท.(PTT) รายงานว่าจะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในส่วนของโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่ 6 ประมาณเดือน พ.ย.นี้ซึ่งจะมีการผลิต LPG ได้เกือบ 1 แสนตัน/เดือน แต่ส่วนใหญ่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตปิโตรเคมี ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างโรงแยกฯ และเหลือมาใช้สำหรับภาคอื่นๆ ประมาณ 3 หมื่นตัน/เดือน ดังนั้นเมื่อคำนวณจากความต้องการที่สูงขึ้นจึงคาดว่าปีหน้าอาจะต้องนำเข้าประมาณ 1 แสนตัน/เดือน
ขณะที่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมีการนำเข้าประมาณ 1.32 แสนตัน/เดือน โดยในวันที่ 1-6 พ.ย.นี้ได้รับแจ้งจาก ปตท.ว่า โรงแยกก๊าซฯที่ 5 จะมีการปิดซ่อมบำรุงตามปกติชั่วคราว แต่ ปตท.ได้มีการเตรียมแผนการนำเข้าอย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ ธพ.ได้เตรียมแผนรองรับหากมีการแยก 2 ราคา LPG แล้ว แต่สิ่งที่น่าคิด คือ หากจะมีการตรึงเฉพาะภาคครัวเรือนรายได้น้อยแล้วมีการจัดสรรตามทะเบียนการใช้ไฟฟ้าก็จะทำให้ดูแลได้ง่ายเฉพาะกลุ่มและไม่มีเกิดการทุจริตด้วย
อธิบดี ธพ.กล่าวว่า ในขณะนี้ได้รับรายงานว่าบรรดาโรงบรรจุก๊าซหุงต้มได้มีการนำก๊าซไปใช้ผิดประเภท โดยนำไปใช้ทั้งบรรจุถังก๊าซและนำไปขายสถานีบริการ ซึ่งขอเตือนว่าการไปขายสถานีบริการผิดกฎหมายมีโทษปรับสูงสุด 1 แสนบาท จำคุก 10 ปีหรือทั้งจำและปรับ เพราะคำสั่งนายกรัฐมนตรีกำหนดชัดเจนว่า สถานีบริการจะต้องซื้อจากผู้ค้ามาตรา 7 เท่านั้น