เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้น ณ ที่ทำการเฟดสาขาบอสตันเมื่อค่ำวานนี้ (15 ต.ค.) ตามเวลาประเทศไทย โดยกล่าวว่า อัตราว่างงานที่เคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน และตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ อาจทำให้เฟดจำเป็นต้องใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล
เบอร์นันเก้กล่าวว่า หากปล่อยให้อัตราว่างงานเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงนานเกินไปก็จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และตัวเลขเงินเฟ้อในระดับต่ำก็อาจทำให้สหรัฐเผชิญกับภาวะเงินฝืด ด้วยเหตุนี้เฟดจึงพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเฟดต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าการเข้าซื้อพันธบัตรครั้งใหม่นี้ควรจะใช้วงเงินเท่าใด
"คณะกรรมการเฟดกำลังพิจารณาถึงแนวทางการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราว่างงานปรับตัวขึ้นเกือบแตะระดับ 10% และตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายของเฟด ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อกลับสู่ระดับเป้าหมายของเฟด แต่การพิจารณาเรื่องวงเงินที่จะต้องใช้ในมาตรการดังกล่าวนั้น จะต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ" เบอร์นันเก้กล่าว
การกล่าวสุนทรพจน์ครั้งล่าสุดของเบอร์นันเก้มีใจความสอดคล้องกับรายงานการประชุมรายงานการประชุมประจำวัน 21 ก.ย. ซึ่งระบุว่า เฟดมีความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหากจำเป็น และสอดคล้องกับที่เบอร์นันเก้กล่าวปาฐกถาในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโร้ดไอร์แลนด์เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะได้ประโยชน์หากเฟดตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (MBS) อีกครั้ง ซึ่งการแสดงความคิดของเบอร์นันเก้ ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า เฟดจะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing) หรือ QE ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย.นี้