นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวเตือนว่า การรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อ หากเงินเฟ้อสูงจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป แต่ขณะนี้ประเทศไทยยังชินกับอัตราเงินเฟ้อต่ำที่เกิดขึ้นมานานต่อเนื่องถึง 10 ปี
"เราชินกับเงินเฟ้อต่ำมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา อาจจะมองข้ามปัญหาของเงินเฟ้อไป ซึ่งตอนนี้มีความตกใจเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนมากเกินไป"นายกรณ์ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวว่า เรื่องการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะที่รัฐบาลจะดูแลเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งมาจากทุกภาคส่วนทางเศรษฐกิจ ภาคสังคม และสภาวะสิ่งแวดล้อม
สำหรับฐานะการคลังที่มีการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ คงไม่สามารถทำได้ตลอด ซึ่งภายใน 5 ปีงบประมาณแผ่นดินจะกลับเข้าสู่งบสมดุล และในอนาคตสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุใน 20 ปี จะเติบโตอีก 1 เท่าตัว เป็น 22% จาก 11% ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นภาระภาคสังคม จึงต้องเตรียมดูแลผู้สูงอายุต่อไป
นายกรณ์ กล่าวว่า ไทยจะต้องมีการปรับตัวเพื่อรักษาขีดความสามารถการแข่งขัน ในขณะที่ดอลลาร์มีทิศทางอ่อนค่าลง โดยที่บาทแข็งค่า รวมถึงความจำเป็นในการลงทุนเพิ่มขึ้นของภาคเอกชนและจากต่างประเทศ รวมถึงผลพวงการเปิดการค้าเสรีทำให้มีการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษีสูงขึ้น ดังนั้นการดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ทั้งนี้ มองว่ามูลค่าเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดโลก มีจำนวน 11 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 20% ของจีดีพีโลก จาก 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา และมูลค่าทรัพย์สินโลก เพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จาก 43 ล้านล้านเหรีญสหรัฐเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา