ธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิค เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างแข็งแกร่ง แต่ได้ปรับลดการคาดการณ์สำหรับปีหน้า เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ซบเซาในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
ธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียตะวันออกเป็น 8.9% ในปี 2553 ซึ่งสูงขึ้น 0.2% จากระดับคาดการณ์เมื่อเดือนเม.ย. เนื่องจากผลผลิตในกลุ่มประเทศเหล่านี้ได้ฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับที่สูงกว่าหรือใกล้เคียงกับช่วงวิกฤตการเงินเมื่อปี 2551 โดยผลผลิตที่สูงขึ้นได้รับปัจจัยหนุนจากการค้าและความเชื่อมั่นภาคเอกชนให้ฟื้นตัวขึ้น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สำหรับปี 2554 นั้น ธนาครารโลกได้ปรับลดคาดการณ์ลงเหลือ 7.8% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ลดลงไป 0.2 จุดจากระดับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเกี่ยวกับความยั่งยืนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อเอเชียตะวันออกในระยะกลาง
นอกจากนี้ รายงานของธนาคารโลกยังได้เตือนเรื่องปัจจัยเสี่ยงช่วงขาลงที่อาจจะเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ ซึ่งได้แก่ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ราคาสินทรัพย์ที่สูงขึ้น การแข็งค่าของสกุลเงินที่เกิดจากกระแสเงินทุนไหลเข้าจำนวนมหาศาล
ธนาคารโลกยังระบุด้วยว่า รัฐบาลในประเทศเอเชียตะวันออกอาจต้องเผชิญกับปัญหาท้าทายในการรักษาสมดุลของกระแสเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ในขณะเดียวกันรัฐบาลก็ต้องดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านการแข่งขันและเสถียรภาพทางการเงิน
รายงานของธนาคารโลกคาดว่า จีนจะยังคงเป็นผู้นำในภูมิภาคด้วยอัตราการขยายตัวที่ 9.5% ในปีนี้ ส่วนไทย มาเลเซีย ลาว มองโกเลีย และปาปัว นิวกินี คาดว่าจะขยายตัว 7% หรือสูงกว่านั้น ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มคาดการณ์เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี