ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เนื่องจากการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเหนือความคาดหมายของธนาคารกลางจีนส่งผลให้นักลงทุนเทขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่มีความอ่อนไหวต่อทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และหันเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีความปลอดภัยมากกว่า
ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.42% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 81.570 เยน จากระดับของวันจันทร์ (18 ต.ค.) ที่ 81.230 เยน และพุ่งขึ้น 1.30% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9707 ฟรังค์ จากระดับ 0.9582 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรดิ่งลง 1.52% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3733 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3945 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์ร่วงลง 1.21% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5705 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5898 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 2.11% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9689 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9898 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 1.55% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7448 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7565 ดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนทุ่มซื้อสกุลเงินดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เพราะกังวลว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจทั่วโลก นอกจากนี้ การขึ้นดอกเบี้ยของจีนอาจทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก
ธนาคารกลางจีนประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก 0.25% โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพุธที่ 20 ต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกของจีนนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550
แบงก์ชาติจีนระบุในแถลงการณ์ซึ่งเผยแพร่บนเว็บไซต์ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 1 ปี จะเพิ่มขึ้นจาก 2.25% เป็น 2.50% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 1 ปีจะเพิ่มขึ้นจาก 5.31% เป็น 5.56%
นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคธนาคารของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง หลังจากมีรายงานข่าวว่าแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ (พิมโค) ธนาคารแบล็คร็อค และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กำลังบีบให้แบงค์ ออฟ อเมริกา ซื้อคืนตราสารหนี้จำนองมูลค่าสูงถึง 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ตราสารหนี้ดังกล่าวออกโดยคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทการเงินที่แบงค์ ออฟ อเมริกาได้เข้าซื้อกิจการไปเมื่อปี 2551
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย.ปรับตัวขึ้น 0.3% แตะระดับ 610,000 หลัง/ปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 580,000 หลัง/ปี แต่ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างในเดือนก.ย.ร่วงลง 5.6% มาอยู่ที่ระดับ 539,000 ยูนิต ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 580,000 ยูนิต
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย.