นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2553 มีจำนวน 4,251,639 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 42.51 ของ GDP
ทั้งนี้ เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,909,607 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,098,824 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 181,594 ล้านบาท และหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 61,615 ล้านบาท
เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 49,228 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้น 44,920 ล้านบาท 3,482 ล้านบาท และ 1,126 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ลดลง 300 ล้านบาท ส่วนหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง
สำหรับ หนี้ในประเทศ ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 44,920 ล้านบาท โดยที่สำคัญเกิดจากการออกพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 3,003 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาล 3,000 ล้านบาท และพันธบัตรออมทรัพย์ 3 ล้านบาท และพันธบัตรเพื่อการบริหารหนี้ 35,000 ล้านบาท และ การเบิกเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 17,000 ล้านบาท
ส่วนหนี้ต่างประเทศ ที่รัฐบาลกู้โดยตรง เมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 31.20 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 36.11 ล้านเหรียญสหรัฐ, สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายน้อยกว่าการไถ่ถอนประมาณ 312.96 ล้านเยน หรือ 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐ, สกุลเงินเหรียญสหรัฐได้มีการไถ่ถอนประมาณ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน แบ่งเป็น หนี้ในประเทศ แบ่งเป็นหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 1,818 ล้านบาท โดยเกิดจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ไถ่ถอนพันธบัตร 1,000 ล้านบาท 913.19 ล้านบาท 1,200 ล้านบาท และ 2,000 ล้านบาท ตามลำดับ, รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆ มากกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ 3,294.41 ล้านบาท
ส่วนหนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 901.52 ล้านบาท โดยเกิดจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ออกพันธบัตรมากกว่าการไถ่ถอน 1,951.10 ล้านบาท, รัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลไม่ค้ำประกันมีการเบิกจ่ายจากแหล่งเงินกู้ต่างๆน้อยกว่าคืนต้นเงินกู้ 1,049.58 ล้านบาท
ด้านหนี้ต่างประเทศ เป็นหนี้ที่รัฐบาลค้ำประกัน เมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 92.81 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 123.93 ล้านเหรียญสหรัฐ, สกุลเงินเยนได้มีการเบิกจ่ายน้อยกว่าการไถ่ถอนประมาณ 2,704.37 ล้านเยน หรือคิดเป็น 31.12 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนหนี้ที่รัฐบาลไม่ค้ำประกัน เมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 95.76 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 128.68 ล้านเหรียญสหรัฐ, สกุลเงินยูโรได้มีการไถ่ถอนประมาณ 13.10 ล้านยูโร หรือคิดเป็น 17.11 ล้านเหรียญสหรัฐ, สกุลเงินเยนได้มีการไถ่ถอนประมาณ 855.55 ล้านเยน หรือคิดเป็น 9.82 ล้านเหรียญสหรัฐ และ สกุลเงินเหรียญสหรัฐ ได้มีการไถ่ถอน 5.99 ล้านเหรียญสหรัฐ
หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) หนี้ในประเทศ หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 1,084 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรมีการเบิก จ่ายเงินกู้สูงกว่าชำระคืนต้นเงิน 1,083.98 ล้านบาท
หนี้ต่างประเทศ หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เมื่อคิดในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.55 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้คงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.89 ล้านเหรียญสหรัฐ
สกุลเงินเยนได้มีการไถ่ถอนประมาณ 76.67 ล้านเยน หรือคิดเป็น 0.90 ล้านเหรียญสหรัฐ สกุลเงินเหรียญสหรัฐ ได้มีการไถ่ถอน 2.44 ล้านเหรียญสหรัฐ หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ
หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าลดลง 300 ล้านบาท เนื่องจากการซื้อคืนพันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะ จำนวน 4,251,639 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 379,396 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.92 และหนี้ในประเทศ 3,872,243 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.08 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และเป็นหนี้ ระยะยาว 4,051,825 ล้านบาท หรือร้อยละ 95.30 และหนี้ระยะสั้น 199,814 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.70 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง