ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนที่ขยายตัวอยู่ที่ระดับสูงมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน อาจจะทำให้วงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีนเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง โดยสำนักงานสถิติจีนได้เปิดเผยตัวเลข CPI เดือนก.ย.ที่ขยายตัวขึ้น 3.6% ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดระดับใหม่ของปีนี้
อันที่จริงแล้ว การขยายตัวของ CPI ในระดับสูงเมื่อเดือนก.ย.นั้น สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด ดังเห็นได้จากการที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก่อนที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจะได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของจีนประจำไตรมาส 3 และเดือนก.ย.ออกมาในวันนี้
หม่า จุน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของดอยช์แบงก์ในจีน กล่าวว่า การขยายตัวของ CPI ที่ระดับสูงนั้น ได้โน้มน้าวให้ตลาดเชื่อว่า ธนาคารกลางจีนเลือกใช้แนวทางการขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น บ่งบอกว่า รัฐบาลตระหนักถึงผลกระทบด้านลบที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยติดลบ เช่น การคาดการณ์เรื่องเงินเฟ้อ ภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ และการลงทุนที่สูงเกินไป
ขณะที่นักวิเคราะห์อีกรายคาดการณ์ว่า การขยายตัวของ CPI จีน จะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 3% ในปี 2554 และ 2555 ดังนั้น ปัญหาเรื่องอัตราดอกเบี้ยติดลบจะยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคต่อไป หากธนาคารกลางจีนยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ การขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจก็ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน
จากข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิตินั้น อัตราการขยายตัวของ GDP จีนในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 10.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่า การขึ้นดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบในวงจำกัดต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ สำนักข่าวซินหัวรายงาน