นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประเมินผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย ทั้งในแง่ของโรงงานอุตสาหกรรม และประชาชนแต่ละพื้นที่ เพื่อสรุปมาตรการที่จะต้องช่วยเหลือและเยียวยา โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี)จำนวนหนึ่งต้องปิดกิจการชั่วคราว พบว่า ขณะนี้รายงานเข้ามา 32 จังหวัด แบ่งเป็นภาคเหนือ 8 จังหวัด ภาคกลาง 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด โดยมีผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เป็นโรงงานอุตสาหกรรม 259 ราย ,กลุ่มเอสเอ็มอี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 50 ราย ภาคกลาง 1 ราย และกลุ่มโอทอป ภาคกลาง 5 ราย และภาคเหนือ 11 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 106 ล้านบาท
ส่วนพื้นที่ 14 จังหวัด ภาคใต้ยังไม่ได้รับผลกระทบ และพื้นที่เพาะปลูกอ้อย ขณะนี้ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และไม่น่าจะมีผลกระทบต่อกำลังการผลิตน้ำตาลทรายของประเทศที่จะมีการเปิดหีบอ้อยในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้
สำหรับรายงานเบื้องต้น โรงงานที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย พบว่า จังหวัดนครราชสีมาและลพบุรี ได้รับผลกระทบมากที่สุด จำนวนกว่า 100 โรงงาน ,สิงห์บุรี 34 โรงงาน ,สระแก้ว 19 โรงงาน ,สุพรรณบุรี 7 โรงงาน และนครสวรรค์ อยู่ระหว่างรวบรวมตัวเลข
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ทุกกรม ในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งหามาตรการช่วยเหลือด้านภาษีและค่าธรรมเนียม ให้กับภาคอุตสาหกรรม โดยเบื้องต้นจะยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีสำหรับปี 2553 ให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกเรียกเก็บจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรม สั่งให้ตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด ผ่านโทร.02-2023036, 02-2023005 และสายด่วน 1563