นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกรัฐพัฒนา จำกัด ในฐานะนายกสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะส่งผลกระทบต่อวัตถุดิบของเอทานอลหรือไม่ เพราะต้องรอดูว่าน้ำท่วมในภาคอีสานและภาคกลางจะท่วมขังนานนับสัปดาห์หรือไม่ เพราะปกติแล้วหากไม่ท่วมขังก็จะไม่มีผลต่ออ้อย-มันสำปะหลัง
ในช่วงที่ก่อนเกิดน้ำท่วมได้มีชาวบ้านถอนมันฯออกมาจำหน่ายก่อนอายุ ส่งผลให้ราคาหัวมันฯสดช่วงนั้นลดลง เหลือ 2.50-2.60 บาท/กก. จากก่อนหน้านี้ราคาสูงถึง 3.70-4.00 บาท/กก. ส่วนอ้อย หากฝนยังตกต่อเนื่องเช่นนี้ อาจมีผลทำให้การเปิดหีบล่าช้า เพราะรถตัดอ้อยไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ แต่เนื่องจากสต็อกของเอทานอลมีประมาณ100 ล้านลิตร หรืออยู่ได้ประมาณ 2 เดือนจึงไม่น่ามีผลกระทบต่อการผลิตเอทานอล
นายสิริวุทธิ์ ยังประเมินด้วยว่า ราคาอ้างอิงเอทานอลที่จะประกาศในเดือนพ.ย.นี้ จะเป็นราคาสูงสุดสูงกว่าราคาเดือน ต.ค.ที่ 26.58 บาท/ลิตร เนื่องจากป็นราคาอ้างอิงมันฯ 1 เดือนย้อนหลังและโมลาส เฉลี่ย 3 เดือนย้อนหลัง แต่ราคาซื้อขายจริงอยู่ที่ประมาณ 22-23 บาท/ลิตรเท่านั้น เพราะเป็นราคาที่ผู้ขายน้ำมันและผู้ผลิตเอทานอลตกลงกันล่วงหน้า
การที่ราคาต่ำเช่นนี้เป็นเพราะภาครัฐไม่ได้ส่งเสริมการใช้อย่างจริงจัง น่าจะมีการขยายปั๊ม E20 และ E85 มากขึ้น โดยควรจะส่งเสริมให้รถเก่าใช้ E85 ได้ โดยเฉพาะการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อปรับเปลี่ยนให้รถนต์มาใช้น้ำมัน E85 (conversion kit) เพราะจะรวดเร็วกว่าการรอขายรถใหม่เท่านั้น ซึ่งการใช้เอทานอล 2 ปีนี้แทบจะไม่มีอัตราการเติบโตเลยอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านลิตร/วันเท่านั้น
ด้านนายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ ผู้อำนวยการ สำนักพัฒนา.เชื้อเพลิงชีวภาพ กรมพัฒาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า การใช้เอทานอลจะขยับขึ้นได้ในปีหน้า หลังจากที่รัฐบาลจะประกาศให้ไบโอดีเซลมีเกรดเดียว คือ B4 ขึ้นไป เพราะจะทำให้ปั๊มมีหัวจ่ายเหลือในการเลือกขาย E20 หรือ E85 นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่อง conversion kit หากมีผลพิสูจน์เรื่องมลพิษชัดเจน ก็คาดว่าจะทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในการใช้ E85 เพิ่มขึ้น