สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษ ขยายตัว 0.8% ในช่วงเดือนก.ค. - ก.ย. ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.4% และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่ขยายตัว 1.2%
ทั้งนี้ คาดว่า อัตราการขยายตัวที่สูงกว่าคาดการณ์ถึงสองเท่านี้ จะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อธนาคารกลางอังกฤษในเรื่องการขยายขอบเขตโครงการซื้อสินทรัพย์หรือมาตรการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับสาเหตุหลักที่ช่วยให้เศรษฐกิจไตรมาส 3 โตเกินคาดได้แก่ ภาคการก่อสร้างที่ขยายตัว 4.0% จากไตรมาสก่อน และพุ่งถึง 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ภาคบริการ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของจีดีพี ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัว 0.6%
อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวของจีดีพีไตรมาส 3 จะต้องได้รับการปรับทบทวนอีก 2 ครั้ง
ขณะเดียวกัน สถาบันจัดอันดับความน่าเชือถือระหว่างประเทศ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของอังกฤษ เป็น "มีเสถียรภาพ" จากเดิม "เชิงลบ" ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลอังกฤษ
โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ได้เปิดเผยรายละเอียดของมาตรการลดรายจ่ายภาครัฐครั้งใหญ่สุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งกำหนดให้เกือบทุกกระทรวงลดงบประมาณลง 20% โดยเฉลี่ยในช่วงเวลา 4 ปีข้างหน้านี้ รวมถึงการลดสวัสดิการต่างๆ ซึ่งมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายหลักเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งแตะระดับสูงถึง 11% ในปีที่แล้ว