คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) และคณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารของจีน (CBRC) ประกาศว่า จะอนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดมีส่วนร่วมในการซื้อขายพันธบัตรในตลาดหุ้นได้วันนี้ ซึ่งหมายความว่า ธนาคารพาณิชย์จะกลับเข้ามาซื้อขายพันธบัตรในตลาดหุ้นได้ หลังจากที่ไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว และยังถือเป็นอีกความพยายามหนึ่งของหน่วยงานของจีนที่จะเพิ่มสภาพคล่องในตลาดภายในประเทศ
จากประกาศดังกล่าว โครงการนำร่องในการซื้อขายพันธบัตรของธนาคารพาณิชย์ในตลาดหุ้นนั้น จะเปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์เหล่านี้สามารถมีส่วนร่วมในการจดทะเบียน ซื้อขายพันธบัตร และทรัสต์
-- สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลของสถานะการซื้อและขายเงินตราต่างประเทศของธนาคารของจีนที่ดำเนินการในนามของลูกค้าในเดือนก.ย.นั้น คิดเป้นมูลค่า 2.84 หมื่นล้านดอลลาร์
ธนาคารของจีนได้ซื้อเงินตราต่างประเทศให้กับลูกค้าเมื่อเดือนก.ย.วงเงิน 1.19 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ขายเงินตราต่างประเทศในช่วงดังกล่าวไป 9.08 หมื่นล้านดอลลาร์
เมื่อเดือนก.ย.นั้น ธนาคารของจีนได้รับเงินจากการทำธุรกิจในต่างประเทศในนามของลูกค้ามูลค่า 1.71 แสนล้านดอลลาร์ และใช้จ่ายเงินกับธุรกิจในต่างประเทศวงเงิน 1.48 แสนล้านดอลลาร์สำหรับลูกค้าในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งคิดเป็นยอดเกินดุล 2.26 หมื่นล้านดอลลาร์
-- แบงค์ ออฟ ไชน่า ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ เปิดเผยว่า กำไรของธนาคารในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้พุ่งขึ้น 27.48% แตะ 8.29 หมื่นล้านหยวน หรือ 1.23 หมื่นล้านดอลลาร์
ธนาคารระบุว่า ตัวเลขกำไรที่พุ่งขึ้นนี้มาจากการขยายตัวของผลตอบแทนและธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ เพิ่มขึ้น 0.01% จากระดับปีที่แล้ว แตะ 2.04% ในช่วง 3 ไตรมาสแรก
-- ธนาคารดิ อะกริคัลเจอรัล แบงค์ ออฟ ไชน่า หรือเอบีซี ได้เปิดเผยว่า กำไรไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 29.53% จากระดับปีที่แล้ว แตะ 2.43 หมื่นล้านหยวน หรือ 3.63 พันล้านดอลลาร์ เพราะได้ปัจจัยหนุนจากรายได้ที่สูงขึ้น โดยช่วงสิ้นเดือนก.ย.นั้น อัตราความพอเพียงของเงินทุนของธนาคารอยู่ที่ 11.38% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้น 3.07% จากระดับเดือนมิ.ย.ปีนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน