(เพิ่มเติม) สศค.คาดจีดีพี Q3/53 โตราว 7.4%, ทั้งปีโต 7.3%รวมผลกระทบน้ำท่วม-บาทแข็ง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 28, 2010 10:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/53 เติบโต 7.4% ชะลอตัวลงจากไตรมาส 2/53 ที่เติบโต 9.1% ส่วนทั้งปี 53 คาดเติบโต 7.3% รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมและเงินบาทที่แข็งค่า

นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ย.53 ขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้ชะลอลงจากดือนก่อนหน้า เนื่องจากการเริ่มปรับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการบริโภคสินค้าคงทนและการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกขยายตัวในอัตราชะลอลง แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวได้ในระดับสูง สะท้อนการปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติของการท่องเที่ยว

และเครื่องชี้เศรษฐกิจไทย ก.ย.53 ที่ขยายตัวได้ดี ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/53 สามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการใช้จ่ายภายในประเทศ จากการบริโภคสินค้าคงทนและการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่การส่งออกยังขยายตัวได้ดี ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/53 จะขยายตัวในอัตรา 7.4%

ส่วนไตรมาส 4/53 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในอัตรา 2.3% ชะลอลงจากไตรมาส 4/53 และเนื่องจากฐานปีก่อนอยู่ในอัตราที่สูง ทั้งนี้ยังไม่ได้ประเมินผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยหากเงินบาทแข็งค่าเฉลี่ยทั้งไตรมาส 4/53 อยู่ที่ 29.50 บาท/ดอลลาร์ จะกระทบการเติบโตเศรษฐกิจลดลง 0.1% แต่หากเงินบาทอยู่ที่ 29 บาท/ดอลลาร์ จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตลดลง 0.2%

อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 53 ยังคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวในอัตรา 7.3% ยังอยู่ในกรอบที่ประเมินไว้ โดยประเมินผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ทำให้เศรษฐกิจลดลง 0.1 % และความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมประมาณ 22,000 ล้านบาท หรือทำให้เศรษฐกิจลดลง 0.2% ส่วนปี 54 ยังประเมินว่าเศรษฐกิจขยายตัวในอัตรา 4.5% ภายใต้สมมติฐานที่เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 30 บาท/ดอลลาร์ แต่ สศค.จะมีการทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้

"การคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ เราเคยประเมินว่าอยู่ภายใต้ที่ กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้ง อีก 0.50% แต่ล่าสุดที่ กนง.มีมติคงดอกเบี้ยไว้ คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่โดยรวมแล้วยังอยู่ในกรอบที่ประเมินไว้" นายบุญชัย กล่าว

นายบุญชัย กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ต้นปี เงินบาทแข็งค่าขึ้นแล้ว 10.38% เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเซีย รองจากญี่ปุ่นที่เงินเยนแข็งค่ามากที่สุดที่ 12.71% อย่างไรกตาม เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะไม่กระทบ หากเป็นค่าเงินที่มีเสถียรภาพ เพราะจะส่งผลต่อเศรษฐกิจในเรื่องการบริหารจัดการได้

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น และสร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรจำนวนมาก ประเมินว่าหลังจากน้ำลดลงแล้ว จะทำให้ราคาพืชผักผลไม้ จะปรับขึ้น ซ่งหากราคาปรับขึ้น 20-30% จะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.3%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ