นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล ประธานคณะทำงานด้านนโยบายและการบริหารอุตสาหกรรม 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวว่า สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย หนุนกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายสำรองเงินเพื่อช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและค่าเงินบาทแข็ง ก่อนคิดเรื่องเร่งชำระหนี้คืนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)เผยมีแผนใช้เงินอีกเพียบ เพื่อรักษาเสถียรภาพอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในระยะยาว
จากที่มีรายงานข่าวจากการประชุมเพื่อพิจารณาสถานะกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายครั้งล่าสุดว่า ได้มีการเสนอแนวคิดในการเร่งรัดกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายชำระหนี้คืนแก่ ธ.ก.ส. ให้เร็วขึ้น จากเดิมที่จะชำระหนี้สิ้นสุดภายในเดือน ธ.ค.54 นั้น นายณัฎฐปัญญ์ กล่าวว่า พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทรายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มาตรา 23 ได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายไว้ว่า เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อผลประโยชน์ของชาวไร่อ้อยและโรงงาน และเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
ดังนั้น การบริหารจัดการเงินกองทุนฯ ในช่วงนี้จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะขณะนี้มีปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย รวมถึงกระทบต่อผลประโยชน์ของชาวไร่อ้อยหลายเรื่อง จึงยังไม่น่าจะรีบชำระหนี้ให้กับ ธ.ก.ส.
“ตอนนี้มีทั้งเรื่องน้ำท่วมไร่อ้อย ทำให้ผลผลิตของชาวไร่อ้อยเสียหาย ค่าเงินบาทแข็ง ทำให้รายได้จากการส่งออกน้ำตาลลดลง ซึ่งกองทุนฯ อาจจำเป็นต้องใช้เงินเข้ามาช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งหากเงินกองทุนไม่เพียงพอ ก็ต้องกู้จาก ธ.ก.ส. อยู่ดี นี่คือเหตุผลที่กรรมการบริหารกองทุนฯ บางคนเห็นว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะพิจารณาเรื่องการเร่งคืนหนี้ ธ.ก.ส. และที่ประชุมส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย” นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 53 กองทุนฯ มีแผนงานและโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาและรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล เช่น สินเชื่อสำหรับจัดซื้อรถตัดอ้อย แก้ปัญหาแหล่งน้ำ หรือโครงการตามภารกิจ เช่น โครงการช่วยเหลือชำระค่าอ้อยที่ชาวไร่นำส่งโรงงาน โดยมีน้ำตาลทรายเป็นหลักประกัน นอกจากนี้ ยังต้องสำรองเพื่อจ่ายชดเชยราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตปี 2552/2553 เงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2553/2554 ที่คาดว่า จะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เป็นต้น