นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสภาพน้ำท่วมและมอบข้าวสาร ถุงยังชีพ ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมในชุมชนใต้สะพานพระราม 5 ต.บางไผ่ จ.นนทบุรี ว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำแผนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยให้กระทรวงพาณิชย์ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคดำเนินการประสานหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้ความช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว
ในส่วนภูมิภาคให้พาณิชย์ตั้งศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาทั้งในช่วงวิกฤตและหลังน้ำลด โดยร่วมมือกับเกษตรกร ประชาชน และผู้ประกอบการ ตลอดจนองค์กรภาคเอกชนทุกภาคส่วน เช่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรมจังหวัด
ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยกระทรวงพาณิชย์ในส่วนกลางที่กระทรวงพาณิชย์และในระดับจังหวัด เน้นกลุ่มเกษตรกร ประชาชนและผู้ประกอบการ โดยเร่งสำรวจความเสียหายและผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งเสนอความต้องการ มาตรการในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน รวบรวมจัดทำแผนให้การช่วยเหลือ นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป
"ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในจัดทำโครงการศึกษาแนวทางการเพิ่มรายได้เกษตรกร และลดค่าครองชีพประชาชนที่มีรายได้น้อย โดยได้ตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าว 1 ชุด ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องศึกษาเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน จากนั้นจะรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ก่อนนำผลการศึกษานั้นมาปฏิบัติต่อไป
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 และพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าพ.ศ. 2542 ซึ่งเชื่อว่า การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้" รมว.พาณิชย์ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ศึกษาต้นทุนการผลิตสินค้าใหม่นั้น ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจเป็นห่วงสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ซึ่งเชื่อว่า ราคาที่ปรับสูงขึ้นมานั้น ประชาชนจะยอมรับได้ แต่กระทรวงฯจะดูแลให้ราคาที่ปรับขึ้นเป็นไปอย่างเหมาะสม ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคนั้น ยืนยันว่าได้ขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าไปจนถึงสิ้นปีนี้
นางพรทิวา กล่าวว่า นอกเหนือจากการบริจาคข้าวสาร และถุงยังชีพแล้ว กระทรวงฯยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่การค้าภายในทุกจังหวัดออกติดตาม ตรวจสอบสภาวะราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด และตรวจสอบผู้ประกอบการไม่ให้เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค