เอิร์นส แอนด์ ยัง ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทเหมืองแร่และโลหะของจีนมีข้อได้เปรียบในตลาดการควบรวมกิจการและเข้าซื้อกิจการ (M&A) ทั่วโลก เนื่องจากบริษัทจีนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย มีเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย และมีต้นทุนที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ
ไมค์ เอลเลียต หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านเหมืองแร่และโลหะโลกของเอิร์นส แอนด์ ยัง กล่าวว่า "การแข่งขันด้าน M&A ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และโลหะทั่วโลกขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2553 โดยมูลค่าการทำข้อตกลงในอุตสาหกรรมดังกล่าวในรอบปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.พุ่งขึ้น 87% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว" ข้อมูลเชิงสถิติของเอิร์นส แอนด์ ยัง ระบุว่า มูลค่าโดยรวมของการทำข้อตกลง M&A ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และโลหะทั่วโลกในรอบปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.มีอยู่ถึง 7.89 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจำนวนบริษัทที่ทำข้อตกลง M&A เพิ่มขึ้น 10% ต่อปี แตะระดับ 827 แห่ง
สำหรับจีนนั้น มูลค่าการทำข้อตกลง M&A ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และโลหะในรอบปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย.ทะยานขึ้น 53% แตะที่ 8.9 พันล้านดอลลาร์ โดยมีบริษัทที่ทำข้อตกลง M&A ทั้งสิ้น 102 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการทำข้อตกลงขาออก (outbound deals) จำนวน 49 ราย, ข้อตกลงภายในประเทศ (domestic deals) จำนวน 40 ราย และข้อตกลงขาเข้า (inbound deals) จำนวน 13 ราย
ปีเตอร์ มาร์กี้ หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านเหมืองแร่และโลหะจีนของเอิร์นส แอนด์ ยัง กล่าวว่า "การลงทุน M&A ในด้านขาออกของจีนยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากการที่จีนมุ่งหาแหล่งวัตถุดิบเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและแผนการขยายตัวของเมืองภายในประเทศ" สำนักข่าวซินหัวรายงาน