แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า(2 พ.ย.) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ จะเสนอให้ที่ประชุมครม.อนุมัติการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่ของส่วนราชการ 7 หน่วยงาน เป็นระยะเวลา 3 ปี ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, กรมป่าไม้, กรมชลประทาน, กรมศิลปากร, กรมธนารักษ์, การรถไฟแห่งประเทศไทย และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่ายังคงต้องวางเงินประกันความเสียหายก่อนการถ่ายทำภาพยนตร์ให้แก่หน่วยงานดังกล่าวตามระเบียบที่กำหนดไว้เดิม โดยให้หน่วยงานดังกล่าวไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองเมื่อเดือนพ.ค.53 ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคณะถ่ายทำภาพยนตร์ชาวต่างประเทศต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและความไม่สะดวกต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นของคณะถ่ายทำภาพยนตร์ชาวต่างประเทศที่ประสงค์จะเข้ามาใช้สถานที่ในไทยเป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์ รวมทั้งการเข้ามาใช้บริการหลังการถ่ายทำ (Post Production) เช่น การตัดต่อ ทำกราฟฟิก หรือแอนิเมชั่น เป็นต้น เพราะไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยและความไม่สะดวกในด้านการบริการต่างๆ
แหล่งข่าว กล่าวว่า เพื่อเป็นการเยียวยาหรือบรรเทาอุปสรรคต่าง ๆ ให้แก่คณะถ่ายทำภาพยนตร์ชาวต่างประเทศและชาวไทยดังกล่าว และเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยมีความจริงใจในการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยเฉพาะคณะถ่ายทำภาพยนตร์ชาวต่างประเทศที่เห็นความสำคัญของประเทศไทยและ ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดผลประโยชน์ต่อการสร้างงาน การกระจายรายได้ การประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์นับเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก
อนึ่ง ในปี 52 ประเทศไทยมีรายได้จากภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยมีมูลค่าถึงกว่า 800 ล้านบาท แต่จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองดังกล่าว ทำให้รายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยลดลงจากเดิมตั้งแต่ปี 52 เป็นต้นมาถึง 55% และในปี 53 นี้ คาดว่าจะลดลงเรื่อยๆ เพราะตั้งแต่เดือนมี.ค. มีหลายกองถ่ายที่เลื่อนการถ่ายทำภาพยนตร์ในเมืองไทยออกไปไม่มีกำหนด ประกอบกับไม่สามารถหาบริษัทประกันภัยมาทำประกันให้แก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ได้ จึงทำให้หลายคณะถ่ายทำภาพยนตร์หันไปใช้ประเทศอื่นเป็นที่ถ่ายทำแทนประเทศไทย