สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) เพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและเยน หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งเกินคาด อย่างไรก็ตาม ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐช่วยหนุนสัญญาพลาตินัมและพัลลาเดียมดีดตัวขึ้น เนื่องจากพลาตินัมเป็นโลหะสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 7.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,350.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,349.10-1,366.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 1.20 เซนต์ ปิดที่ 24.552 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 5.15 เซนต์ ปิดที่ 3.7850 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,711.50 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 648.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากสกุลเงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินเยน ภายหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 54.0 จุด หลังจากขยายตัว 54.4 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัว
แม้นักลงทุนค่อนข้างมั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย.ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจนั้น แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ก็มีท่าทีระมัดระวังก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะประกาศผลการประชุมในวันดังกล่าว
นอกเหนือจากดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่งแล้ว ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนก.ย.ขยับขึ้นเพียง 0.2%
ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐช่วยหนุนสัญญาพลาตินัมดีดตัวขึ้น เนื่องจากแร่พลาตินัมและพัลลาเดียมเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์