นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ตามที่ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศประสบภัยน้ำท่วม สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมากจนมีหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยรับเงินบริจาคและสิ่งของเพื่อรวบรวมส่งไปใช้บรรเทาทุกข์มาอย่างต่อเนื่องนั้น กรมสรรพากรได้เสนอมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและผู้บริจาคเงิน หรือสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้เดือดร้อน ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมาตรการภาษีของกรมสรรพากรแล้ว
โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้ กรณีเงินบริจาค 1. ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้จ่ายเงินหรือโอนเงินเข้าบัญชีช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งจัดโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (เป็นตัวแทนรับเงินบริจาคให้แก่ผู้ประสบภัย) ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 7, ช่อง 9 หรือกองทุนภาคเอกชน เป็นต้น สามารถนำเงินบริจาคนั้นหักลดหย่อนได้ตามจริง (รวมกับเงินบริจาคอื่นๆ ด้วย) แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว
2. ผู้บริจาคที่เป็นบริษัท/ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคนำมาหักรายจ่ายได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิในปีที่บริจาค นอกจากนี้ กรณีทรัพย์สินหรือสินค้าที่นำไปบริจาคก็ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มโดยไม่ถือเป็นการขาย
3. ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่ลงทะเบียนไว้กับศูนย์หรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือของทางราชการ เมื่อได้รับเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค จะได้รับยกเว้นเงินได้พึงประเมินเท่าจำนวนความเสียหาย โดยไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีในปีที่เกิดรอบภาษีนั้นๆ
4. บุคคลธรรมดาที่ประสบอุทกภัย เมื่อได้รับการช่วยเหลือหรือชดเชยที่มีมูลค่าไม่เกินความเสียหาย ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงิน/ทรัพย์สินที่ได้รับจริงเพื่อการนี้ รวมถึงกรณีที่ผู้ประสบอุทกภัยได้รับเงินชดเชยจากภาครัฐก็ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ด้วย
5. ผู้รับบริจาคหรือผู้รับเงินชดเชยจากภาครัฐที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประสบอุทกภัย ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคนั้นเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีกรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับจากการประกันภัย เพื่อชดเชยความเสียหาย ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เฉพาะส่วนที่เกินมูลค่าต้นทุนของทรัพย์สินที่เหลือจากการหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาแล้ว
ทั้งนี้ การขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีสำหรับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย, ภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ที่ต้องยื่นแบบในเดือนกันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม 53 ได้รับการขยายเวลาโดยให้นำไปยื่นภายในวันที่ 30 ธันวาคม 53 ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการที่ประสบภัยในพื้นที่ที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนดในภายหลัง
นายสาธิต กล่าวว่า มาตรการภาษีให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ เป็นมาตรการที่ใช้และได้รับการกลั่นกรองอย่างครอบคลุมผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้ว ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ปฏิบัติสามารถนำไปใช้หักลดหย่อนหรือหักค่าใช้จ่าย เป็นการบรรเทาภาระภาษีที่เกิดขึ้นในระหว่างภัยพิบัติได้