นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง มองว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบที่สองที่คาดการณ์กันว่าทางการสหรัฐจะอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบนั้น เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายมีการประเมินไว้ว่าสหรัฐจะมีการอัดฉีดเม็ดเงิน 5 แสนล้านเหรียญหรืออาจสูงถึง 7.5 แสนล้านเหรียญ ดังนั้น ในระยะสั้นคงยังไม่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน เพราะเป็นสิ่งที่ตลาดได้มีการคาดการณ์ไว้ค่อนข้างมากแล้ว
แต่ค่าเงินดอลลาร์ในระยะยาว ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินทุกสกุล
นายกรณ์ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาได้เคยหารือกับผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เมื่อครั้งที่เดินทางไปประชุมด้วยกันที่กรุงวอชิงตันแล้วเกี่ยวกับการดูแลเงินทุนไหลเข้า ซึ่งวันพรุ่งนี้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีการประชุมเพื่อพิจารณามาตรการ QE ซึ่งหมายถึงการที่เฟดจะเข้าไปซื้อพันธบัตรมากขึ้นและทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในอัตราต่ำ จึงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการเงินอีก ซึ่งจะมีผลทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมิ่อเทียบกับทุกสกุล
ประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีการรับรู้แล้ว ซึ่งทางการก็จะได้มีการเตรียมวิธีการและนโยบายที่จะดำเนินการอย่างเหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ก็ได้มีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเช่น จีน แต่สิ่งสำคัญ คือ เศรษฐกิจไทยและภาคเอกชนไทยจะต้องมีการปรับตัวหาวิธีการใช้เงินบาทให้เกิดประโยชน์มากที่สุด หรือการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ หรือขยายการผลิตในต่างประเทศอย่างเหมาะสม
ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ได้รับทราบมติ ครม.เศรษฐกิจในการปรับบทบาทของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)จากเดิมที่เคยมีหน้าที่ดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ มาเป็นการสนับสนุนบริษัทไทยไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งอาจจะมีการเสนอเป็นกฎหมายและมีความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกันทางรัฐบาลก็ได้มีการหารือกับภาคเอกชนหลายครั้งเพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกันระหว่าวภาครัฐและเอกชน