ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) เนื่องจากมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบสองในการประชุมครั้งล่าสุด
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.25% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.680 เยน จากระดับของวันจันทร์ (1พ.ย.) ที่ 80.480 เยน และดิ่งลง 1.26% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9790 ฟรังค์ จากระดับ 0.9915 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 1.07% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.4038 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3889 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลง 0.06% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.6025 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6035 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.22 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9991 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9871 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.64% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7721 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7672 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกกดดันอย่างหนักจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะประกาศใช้มาตรการ QE รอบสอง ด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านการเข้าซื้อพันธบัตรในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนวันพุธที่ 3 พ.ย.ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งแม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว แต่จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงอีก
เดวิด กรีนลอว์ นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลลินช์ กล่าวว่า มาตรการ QE รอบสองของเฟดอาจจะช่วยเศรษฐกิจเรสหรัฐให้ฟื้นตัวได้ราว 0.3% ในปี 2554 และ 0.4% ในปี 2555 นอกจากนี้ มาตรการ QE อาจทำให้อัตราว่างงานปรับตัวลดลง 0.3% ในปี 2554 และลดลง 0.5% ในปี 2555
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่ามาตรการ QE ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเยียวยาวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐได้ เนื่องจากอัตราว่างงานที่ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 10% รวมทั้งภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียทะยานขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 6 เดือนและเป็นการตัดสินใจที่พลิกความคาดหมายของนักลงทุน อันเนื่องมาจากความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่งจะส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวทำให้ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นเกือบแตะค่ากลางเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
อัตราว่างงานเดือนก.ย.ของออสเตรเลียอยู่ที่ระดับ 5.1% ซึ่งต่ำกว่าอัตราว่างงานของสหรัฐและกลุ่มยูโรโซนถึงครึ่งหนึ่ง ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียจะขยายตัว 3.5% ในปีหน้า และ 3% ในปีนี้ เนื่องจากการลงทุนในแหล่งทรัพยากรที่สูงขึ้น
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ย., ดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย.