ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ไว้ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) พร้อมประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบสอง ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านดอลลาร์ภายในกลางปีหน้า โดยกำหนดระยะในการเข้าซื้อที่ราว 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว และเพื่อทำให้ต้นทุนการกู้ยืมลดต่ำลง
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0-0.25% และประกาศใช้มาตรการ QE รอบสอง ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์ในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "ระยะในการฟื้นตัวของผลผลิตทางเศรษฐกิจและตัวเลขจ้างงานยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมการเฟดจึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ และเข้าซื้อพันธบัตรระยะรัฐบาลระยะยาว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ควบคู่ไปกับการสร้างเสถียรภาพด้านราคาและการจ้างงาน"
นอกจากนี้ เฟดย้ำว่าจะยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกระยะหนึ่ง และจะพิจารณาการใช้นโยบายที่จำเป็นในการพยุงเศรษฐกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจในปัจจุบันฟื้นตัวล่าช้า ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ยังคงถูกจำกัดด้วยอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่รายได้ของประชาชนขยายตัวปานกลาง และภาวะสินเชื่อยังคงตึงตัว
แถลงการณ์ของเฟดยังระบุด้วยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนในสหรัฐปรับตัวขึ้น แต่ก็ยังช้ากว่าในปีที่แล้ว ขณะที่อัตราว่างงานยังสูงมากเนื่องจากกลุ่มนายจ้างยังคงลดการจ้างงาน สำนักข่าวซินหัวรายงาน