องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กล่าวเมื่อวานนี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบางแต่โดยรวมก็เข้าที่เข้าทาง พร้อมกันนั้นยังเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ปรับลดการขาดดุลการคลังเพิ่มเติมอีก
ปิแอร์ คาร์โล พาโดน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก OECD กล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจก่อนการประชุมสุดยอดจี20 ว่า เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยผลผลิตและการค้าขยายตัวช้าลงตั้งแต่ช่วงต้นปี 2553
รายงานล่าสุดของ OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกลุ่มประเทศ OECD จะขยายตัวราว 2.5-3% ต่อปีในปี 2553 และจะชะลอตัวลงเหลือ 2-2.5% ในปี 2554 ก่อนที่จะดีดตัวอีกครั้งเป็น 2.5-3% ในปี 2555
รายงานยังระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐน่าจะขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นในปี 2555 ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจเสียสูญเล็กน้อยระหว่างการฟื้นตัว ส่วนเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่หลายประเทศจะยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่จะชะลอตัวลง
รายงานดังกล่าวบ่งชี้ว่าตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน
"สภาพตลาดแรงงานของเกือบทุกประเทศในกลุ่ม OECD เริ่มฟื้นตัวในปีนี้" อังเกล เกอร์เรีย เลขาธิการทั่วไปของ OECD กล่าว ขณะเดียวกันพาโดนก็กล่าวเสริมว่า "การบริโภคดีขึ้น ส่วนการค้าก็กระเตื้องขึ้น"
เกอร์เรียกล่าวย้ำด้วยว่าต้องมีการปรับลดการขาดดุลการคลัง "เราต้องทำให้หนี้สินสมดุลกับจีดีพี หลายประเทศต้องพยายามปรับลดการขาดดุลการคลังจนกว่าจะถึงจุดที่สัดส่วนหนี้สินต่อจีดีพีไม่เพิ่มขึ้นอีกต่อไป"
เกอร์เรียกล่าวว่าการที่หลายประเทศกำหนดสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีไว้ที่ 6-9% เป็นเพียงการเริ่มต้น เพราะหลังจากที่สัดส่วนดังกล่าวสมดุลแล้วต้องมีการใช้มาตรการเพิ่มเติมอีกเพื่อให้ปริมาณหนี้สินลดลง
"ระหว่างการฟื้นตัวจะมีการเปลี่ยนแปลง ช่วงหลังเกิดวิกฤตเป็นช่วงที่มีการแข่งขันดุเดือดมาก มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก" เกอร์เรียกล่าวเตือน สำนักข่าวซินหัวรายงาน