ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.53 ที่ขยายผลกระทบรุนแรงขึ้น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ โดยนอกเหนือจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนือแล้ว ยังขยายผลกระทบครอบคลุมไปถึงพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้สร้างความสูญเสียอย่างมากต่อภาคเศรษฐกิจต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบในระหว่างที่เกิดน้ำท่วม ทั้งภาคการเกษตร อุตสาหกรรม การบริการ และอื่นๆ อาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าสูงถึง 32,400-54,200 ล้านบาท
ดังนั้น จึงประเมินว่าผลกระทบสุทธิต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอาจอยู่ในช่วงประมาณ 15,600-30,500 ล้านบาท ซึ่งอาจจะฉุดจีดีพีในไตรมาส 4/53 ให้ลดลง 0.6-1.2% จากคาดการณ์ในกรณีที่ไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วม (ที่ 2.0%) มาอยู่ที่ 0.8-1.4% YoY
นอกจากนี้ อาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในไตรมาส 4/53 สูงขึ้นมาที่ 2.9-3.1% YoY จากคาดการณ์ในกรณีไม่มีเหตุการณ์น้ำท่วมจะอยู่ที่ 2.6% (ปรับตัวเลขลงต่ำกว่าประมาณการในเดือนก่อนหน้าที่คาดไว้ที่ 3.2% เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนตุลาคมออกมาต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้มาก)
สำหรับผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งปี คาดว่าจะส่งผลให้จีดีพีในปี 53 ลดลง 0.15-0.31% มาอยู่ที่ 6.8-6.9% จากคาดการณ์ในกรณีไม่มีน้ำท่วมอาจขยายตัวได้ 7.1% (ปรับตัวเลขสูงขึ้นกว่าประมาณการในเดือนก่อนที่คาดไว้ที่ 7.0% เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนกันยายนที่ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ประมาณการ จีดีพีในไตรมาสที่ 3/2553 ขยับสูงขึ้น)
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั้งปีนี้อาจสูงขึ้นมาที่ 3.3-3.4% จากคาดการณ์กรณีไม่มีน้ำท่วมอาจอยู่ที่ 3.26%