นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ รักษาการรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า ผู้ผลิตไทยซึ่งเป็น Supplier ให้ธุรกิจค้าปลีกในรัฐแคลิฟอร์เนียยังมีเวลาปรับตัว ในการบริหารจัดการเพื่อความโปร่งใสในการจ้างแรงงานอีกประมาณ 1 ปี โดยแสดงหลักฐานและข้อมูลว่าวัตถุดิบรวมทั้งสินค้าของตนปราศจากการกดขี่แรงงานหรือการค้ามนุษย์
ทั้งนี้ รัฐแคลิฟอร์เนียได้ออกกฎหมายต่อต้านการกดขี่แรงงานและการค้ามนุษย์ หรือที่เรียกว่า California Transparency in Supply Chain Act of 2010 โดยบังคับใช้กับธุรกิจค้าปลีกที่มีรายได้รวมเกินกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
สาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าวคือ ธุรกิจค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าในรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมทั้งบริษัทคู่สัญญา (Contractors) ต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนบนเว็บไซต์ว่าบริษัทของตนและคู่สัญญาไม่มีการกดขี่แรงงานหรือใช้แรงงานจากการค้ามนุษย์ (trafficked person) และบริหารจัดการเพื่อไม่ให้บริษัทและคู่สัญญามีการจ้างแรงงานลักษณะดังกล่าว เช่น ทำงานมากกว่า 18 ชั่วโมงต่อวัน
นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลยังครอบคลุมถึงการแสดงหลักฐานการตรวจสอบสินค้าตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อประเมินและจัดการความเสี่ยงจากการกดขี่แรงงานหรือการค้ามนุษย์ รวมทั้งเปิดเผยลักษณะและวิธีการตรวจสอบโดยหน่วยงานภายในหรือหน่วยตรวจสอบอิสระ (independent third party) การตรวจสอบ suppliers เพื่อประเมินความสอดคล้องตามมาตรฐานของบริษัทในเรื่องการใช้แรงงานจากการค้ามนุษย์และการกดขี่แรงงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนการกำหนดให้ direct suppliers ต้องรับรองว่าวัตถุดิบที่นำมาผลิตสินค้าไม่ได้มาจากการกดขี่แรงงานหรือใช้แรงงานจากการค้ามนุษย์ตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ หรือประเทศที่ supplier ทำธุรกิจ เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้บริโภคหรือผู้เกี่ยวข้องสามารถฟ้องร้องบริษัทที่มีหลักฐานว่าผลิตสินค้าจากการกดขี่แรงงานหรือใช้แรงงานจากการค้ามนุษย์ได้