นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า การที่ประเทศไทยไม่สามารถเปิดประมูลใบอนุญาต 3G ได้ทำให้สูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้ประมาณ 1.5-2 แสนล้านบาท ใน 3-5 ปีข้างหน้า
เนื่องจากไทยยังมีความล้าหลังด้านอินเตอร์เน็ตบรอดแบรนด์เมื่อเทียบกับมาเลเซียและเวียดนาม ขณะที่การแข่งขันทางเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้านอีคอมเมิร์ซ ไม่สามารถพัฒนาให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เชื่อว่าจะส่งผลต่อตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจประมาณ 0.1%
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลเร่งให้ทีโอทีพัฒนาคลื่นความถี่จาก 2G เป็น 3G คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 54 หรือต้นปี 55 จะช่วยลดความสูญเสียรายได้ 5 หมื่นล้านถึง 1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทีโอทียังต้องมีแผนการที่ชัดเจนและเริ่มให้บริการได้จริงตามกรอบเวลาที่วางไว้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้หลังประสบปัญหาน้ำท่วมคาดว่าจะเสียหายจากทั่วประเทศที่ไม่รวมภาคใต้ 2-3 หมื่นล้านบาท แต่หากรวมภาคใต้ ก็คาดว่าความเสียหายจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 8,000-10,000 ล้านบาท เนื่องจากหาดใหญ่เป็นศูนย์กลางทางการค้าและท่องเที่ยว ซึ่งหากการแก้ไขปัญหาหรือเคลียร์พื้นที่ล่าช้า ก็จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างหนัก เพราะกำลังเข้าสู่ไฮซีซั่นที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียและสิงคโปร์จะเข้ามาที่หาดใหญ่
ทั้งนี้ ประเมินว่าความเสียหายจากน้ำท่วมกระทบอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ประมาณ 0.3-0.5% และทำให้การขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาส 4/53 ชะลอตัวลง แต่เชื่อว่าทั้งปีจะเป็นไปตามประมาณการณ์ที่คาดว่าจีดีพีจะโต 7-7.5% เพราะมีแรงขับเคลื่อนจากภาคการส่งออกและบริโภคในประเทศที่โตต่อเนื่อง
นายธนวรรธน์ กล่าวถึงการประกาศอัดฉีดเม็ดเงิน 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐของธนาคารกลางสหรัฐว่า ส่งผลให้ค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่องและมีโอกาสเห็นเงินบาทแข็งค่าไปถึง 28 บาท/ดอลลาร์ในไตรมาส 1/54 ซึ่งจะกระทบต่อผู้ประกอบการไทยที่ส่งออก แต่เชื่อว่าในช่วงสั้นภาวะฟองสบู่ในอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นไทยจะยังคงไม่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การที่สหรัฐคงนโยบายการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์จะส่งผลให้ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีโอกาสแตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นไทยจะได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะมีการนำเข้าน้ำมันสูงถึง 10% ของจีดีพี นอกจากนี้ยังห่วงเรื่องการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากคดียุบพรรค
พ.อ.นที ศุกลรัตน์ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลมีการผลักดันให้ บมจ.ทีโอทีพัฒนาคลื่นความถี่เดิม 2G เป็น 3G เพื่อให้บริการด่านบรอดแบนด์แก่ประชาชนถือเป็นเรื่องที่ดี และทีโอทีสามารถทำได้ โดย กทช.มีอำนาจหน้าที่ในการออกใบอนุญาตให้นำเข้าอุปกรณ์เพื่อพัฒนาโครงข่ายและพร้อมสนับสนุนหากจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศ
ส่วนการแก้ต่างคำร้องของ บมจ.กสท โทรคมนาคม และทีโอที ถึงอำนาจหน้าที่ของ กทช.หลังศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับประมูล 3G นั้น ซึ่งทาง กทช.ได้ทำเอกสารชี้แจงต่อศาลปกครองในทุกกรณี แต่ศาลจะมีคำสั่งใด ๆ เพิ่มเติมหรือไม่คงไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาได้