นายคนิสร์ สุคนธมาน กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ได้ดำเนินโครงการตามมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทให้แก่ผู้ส่งออก SMEs รวม 5 โครงการประกอบด้วย โครงการช่วยเหลือการทำ Forward Contract สำหรับ SMEs ที่มีหลักประกัน โดยให้วงเงินการจองขายเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐล่วงหน้า (Forward Contract) ได้สูงสุดถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 15 ล้านบาทในอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ
โครงการสนับสนุนหลักประกันในการทำ Forward Contract ผู้ส่งออกสามารถจอง Forward Contract ได้โดยมีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นผู้ค้ำประกัน
"บริการ Forward Contract และสินเชื่อสกุลเงินบาทและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นบริการปกติของ EXIM BANK อยู่แล้ว แต่ปัจจุบัน EXIM BANK กำลังขยายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บริการของ EXIM BANK เข้าถึงผู้ส่งออกที่เป็นรายย่อยที่มีศักยภาพ แต่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินบาทแข็งค่า โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบในประเทศในสัดส่วนที่สูง อาทิ ภาคการเกษตร ผลิตผลที่เกี่ยวกับการเกษตร อุตสาหกรรมอาหารทะเล ไก่สดแช่แข็งหรือไก่ปรุงสุก หัตถอุตสาหกรรม และเฟอร์นิเจอร์"นายคนิสร์ กล่าว
โครงการสินเชื่อ Packing Credit ผู้ส่งออกสามารถได้รับสินเชื่อหมุนเวียนในอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับ 2 ปีแรกที่อัตรา MLR ของธนาคารออมสิน -1.5% วงเงินไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าส่งออก 3 เดือน
โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง ผู้ส่งออกจะได้รับสินเชื่อระยะปานกลาง มีกำหนดระยะเวลาชำระคืนสูงสุด 5 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขเช่นเดียวกับโครงการสินเชื่อ Packing Credit ทั้งนี้ วงเงินของโครงการสินเชื่อ Packing Credit และโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องรวมกันไม่เกิน 5 ล้านบาท
โครงการสินเชื่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ผู้ส่งออกสามารถขอสินเชื่อหมุนเวียนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้ในอัตราดอกเบี้ย LIBOR+3% วงเงินสูงสุด 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังได้เร่งรัดกระบวนการทำงานให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยจะอนุมัติสินเชื่อภายใน 3 วันทำการเมื่อได้รับเอกสารครบถ้วนสำหรับวงเงินรวมที่ไม่เกิน 10 ล้านบาท