กนร.เดินหน้าแผนฟื้นฟูขสมก.-รฟท. จี้รัฐวิสาหกิจใช้งบลงทุนช่วงบาทแข็ง

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 8, 2010 15:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ(กนร.) ได้มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อสนับสนุนการพลิกฟื้นฐานะทางการเงินขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งการผลักดันให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจใช้ประโยชน์จากช่วงเงินบาทแข็งค่าในการเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนที่ใช้เงินตราต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณให้แก่ภาครัฐ

ทั้งนี้ ในเรื่องการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของขสมก.นั้น กนร.มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการโดยมีหน้าที่ในการศึกษาบทบาทของ ขสมก.อย่างเป็นมหภาคในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งหรือ feeder ของระบบขนส่งมวลชน (mass transit) ในกรุงเทพฯ ในภาพรวมที่จะมีระบบขนส่งแวดล้อมเพิ่มเติมขึ้นอีกมากมายเช่น รถไฟฟ้า การต่อขยายเส้นทางต่างๆ อันเป็นการศึกษาคู่ขนานกับบาทบาทของ ขสมก.ในฐานะที่เป็นระบบขนส่งแยกต่างหากไม่มีความเชื่อมโยงกับระบบอื่นๆ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

ส่วน รฟท.นั้น เพื่อให้การจัดทำแผนธุรกิจเพื่อพลิกฟื้นฐานะทางการเงินของการรถไฟฯ เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่ประชุมจึงได้มีมติให้แต่งตั้งกรรมการเพิ่มในคณะกรรมการติดตามการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินงานให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งให้เร่งดำเนินการตามแผนการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการของ รฟท. และแผนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบรางเพื่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

นายไตรรงค์ กล่าวด้วยว่า ได้ผลักดันให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนที่ใช้เงินตราต่างประเทศ (Import content) ในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า ซึ่งจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทอย่างต่อเนื่อง นับได้ว่าเป็นผลดีต่อรัฐวิสาหกิจเป็นอย่างมาก เพราะจะสามารถประหยัดงบประมาณจาการลงทุนได้อย่างมหาศาล

ทั้งนี้ได้มีหนังสือแจ้งไปยังรัฐวิสาหกิจให้ดำเนินการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนในส่วนของ Import content เนื่องจากรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่หลายแห่งได้มีงบลงทุนในส่วนของ Import content สูง หากรัฐวิสาหกิจสามารถเร่งการเบิกจ่ายลงทุนในไตรมาสที่ 4 ปี 2553 และปี 2554 ให้ทันในช่วงที่ค่าเงินบาทที่ระดับ 30 บาท/ดอลล่าร์ จะช่วยประหยัดงบประมาณได้ทั้งสิ้นกว่า 13,626.14 ล้านบาท หรือ 8.56% ของงบลงทุนในส่วนของ Import content ทั้งหมด

นอกจากนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถเร่งการเบิกจ่ายลงทุนในไตรมาสที่ 4 ปี 2553 และปี 2554 ให้ทันในช่วงที่ค่าเงินบาทที่ 29 บาท/ดอลล่าร์ จะสามารถประหยัดงบประมาณได้ทั้งสิ้นกว่า 18,505.68 ล้านบาท หรือ 11.62% ของงบลงทุนในส่วนของ Import content ทั้งหมด

อย่างไรก็ดี สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)จะดำเนินการร่วมสำนักงบประมาณปรับสมมุติฐานอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในส่วนของ Import content ที่ใช้เงินงบประมาณของรัฐวิสาหกิจใหม่ โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 29-31 บาท/ดอลลาร์ คาดว่ารัฐวิสาหกิจจะสามารถช่วยรัฐบาลประหยัดงบประมาณได้เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สคร. กล่าวว่า ผลการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนของรัฐวิสาหกิจในปี 53 พบว่ารัฐวิสาหกิจได้รับอนุมัติงบลงทุนทั้งสิ้น 240,523 ล้านบาท โดย ณ เดือนก.ย.53 รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ 121,199 ล้านบาท (คิดเป็น50.39% ของวงเงินอนุมัติทั้งหมด) และสูงกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายประมาณ 49,175 ล้านบาท

ทั้งนี้ยังมีรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีบัญชีเป็นปีปฏิทินอีก 11 แห่ง ซึ่งจะเหลือระยะเวลาการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีก 3 เดือน (ตุลาคม-ธันวาคม 2553) โดยปกติรัฐวิสาหกิจในกลุ่มปีปฏิทินจะสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ประมาณ 90% ของงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งจะส่งผลให้ในปีงบประมาณ 2553 รัฐวิสาหกิจจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ 194,359 ล้านบาท หรือ 81% ของงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ