นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้วางกรอบการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในระยะ 20 ปีข้างหน้า โดยมุ่งสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน ประกอบด้วย 3 แผนงาน แบ่งเป็น แผนระยะสั้น(2553-2554) เป็นการพัฒนาฐานองค์ความรู้ตลอดจนห่วงโซ่คุณค่าของภาคอุตสาหกรรมให้แข็งแกร่งและมั่นคง
แผนระยะกลาง(2553-2557) เป็นการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาเป็นองค์ประกอบหลักของภาคอุตสากรรมการผลิต และแผนระยะยาว(2553-2573) เป็นแผนที่กำหนดช่วงการพัฒนาเน้นความยั่งยืนมุ่งสู่การเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้รายงานนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้เน้นดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ พร้อมกับดำเนินมาตรการชะลอเงินทุนไหลเข้าและลดผลกระทบการแข็งค่าของเงินบาทตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ต.ค.53
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงานไปดูแลปัญหาการขาดแคลนแรงงานและพัฒนาแรงงานให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ซึ่งในระยะ 5 ปีข้างหน้า(2554-2558) คาดว่าจะมีความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น 2.4 แสนคน
ส่วนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดนั้น มีมาตรการระยะสั้น คือ ดำเนินการตามมติคณะกรรมการ 4 ฝ่ายเ ดินหน้าแผนปฏิบัติการเพื่อลดปัญหา และขจัดมลพิษรวมทั้งบังคับใช้การใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นต้น ส่วนมาตรการระยะยาวได้เดินหน้าศึกษาศักยภาพในพื้นที่ จ.ระยอง และพัฒนาพื้นที่มาบตาพุดให้เป็นอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์พร้อมกับสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นายวิฑูรย์ ยังได้รายงานการแก้ไขปัญหาการตึงตัวของน้ำตาลทรายในประเทศว่า ได้เพิ่มน้ำตาลโควตา ก.อีก 1 ล้านกระสอบ โดยใช้เงินจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) ซื้อน้ำตาลโควตา ค.ที่เป็นโควตาส่งออก เพื่อมากระจายให้แก่ผู้บริโภค