นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนเมื่อสัปดาห์ก่อนได้หารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Infrastructure Fund : AIF) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือทางการเงินของประเทศสมาชิกอาเซียนที่จะร่วมมือกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค
ที่ประชุมมีมติให้จัดตั้ง AIF ในรูปแบบของ Special Purpose Vehicle (SPV) โดยเงินทุนรวมเริ่มต้นของกองทุนฯ จะอยู่ที่ 600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็นเงินทุนที่จะมาจากประเทศสมาชิกอาเซียน 450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) จะร่วมลงเงินจำนวน 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนจะดำเนินการหารือเพื่อหาข้อสรุปในรายละเอียดของการลงเงินทุนของแต่ละประเทศ พร้อมทั้งดำเนินการจัดทำความตกลงเพื่อจัดตั้งกองทุนฯ และการดำเนินการของกองทุนฯ ต่อไป และตั้งเป้าหมายว่าจะดำเนินการเพื่อจัดตั้ง AIF ให้แล้วเสร็จภายในปี 54
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯได้หารือเพื่อจัดทำท่าทีในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนเพื่อให้นำไปใช้เป็นท่าทีของอาเซียนในเวทีการประชุมสุดยอด G20 ต่อไป ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 พ.ย.2553 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนได้ให้ความสำคัญต่อการรักษาระดับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างสมดุลและยั่งยืน และได้หารือถึงท่าทีของอาเซียนที่มีต่อข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศ G20 ที่ผ่านมา โดยได้เห็นด้วยในหลักการต่อข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่จะให้มีการกำหนดเป้าหมายเพื่อปรับเศรษฐกิจของโลกให้มีความสมดุลและยั่งยืน โดยต้องไม่ก่อให้เกิดปัญหาของการกีดกันทางการค้าขึ้น
อีกทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนจะร่วมกันจัดงานเพื่อดึงดูดนักลงทุนสู่ภูมิภาค ซึ่งในปีนี้จะมีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ และมีกำหนดจะจัดงานขึ้นในวันที่ 30 พ.ย.2553 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียให้เกียรติมากล่าวเปิดงาน และในงานจะมีการเสวนาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนกับนักลงทุน ซึ่งจะเป็นการประชาสัมพันธ์ พร้อมกับแสดงศักยภาพของอาเซียนในด้านความพร้อมที่จะรองรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถสอบถามในเชิงนโยบายกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนอย่างใกล้ชิด
ที่ประชุมฯ เห็นร่วมกันว่าควรจะมีการจัดงานดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นประจำทุกปี