นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบให้ขอยุติโครงการศูนย์รวบรวมผักและผลไม้เพื่อการส่งออก(POSSEC) เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้สถานที่ตั้งของศูนย์ POSSEC ที่บริเวณตลาดไทไม่สอดคล้องกับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง
ทั้งนี้ มติ ครม.เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.43 มอบหมายให้กรมการค้าภายในคัดเลือกบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด(ตลาดไท) ให้เป็นผู้ดำเนินการศูนย์ POSSEC ซึ่งได้ทำสัญญาร่วมดำเนินการเป็นระยะเวลา 15 ปี โดยกรมการค้าภายในได้จัดสรรงบประมาณสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐที่เข้าให้บริการในศูนย์ POSSEC และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของศูนย์ POSSEC เป็นระยะเวลา 5 ปี และผู้ดำเนินการศูนย์ POSSEC มีหน้าที่จัดหาอาคารสถานที่ให้กับหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้าให้บริการในศูนย์ POSSEC โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาดำเนินการตามสัญญา รวมทั้งจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการส่งออกสินค้าอย่างเบ็ดเสร็จ
โดยศูนย์ POSSEC ได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย.47 ซึ่งผลการดำเนินการนับจากวันเปิดให้บริการถึงวันที่ 30 มิ.ย.53 มีการส่งออกสินค้าผ่านศูนย์ POSSEC จำนวน 5,140 Shipments(เฉลี่ยสัปดาห์ละ 16 Shipments) เป็นปริมาณสินค้า 7,877.42 ตัน ประกอบด้วย ผักสด ผลไม้สด โดยประเทศปลายทางที่ส่งออกส่วนใหญ่เป็นประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางและยุโรป แต่มีปัญหาและอุปสรรคเกิดขึ้นหลายประการ
ทั้งนี้ บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด(ตลาดไท) ได้มีหนังสือแจ้งมายังกรมการค้าภายในเพื่อขอยุติบทบาทในฐานะผู้ดำเนินการศูนย์ POSSEC เมื่อวันที่ 5 มี.ค.52 และวันที่ 21 ม.ค.53 ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้ตรวจสอบการดำเนินงานการส่งเสริมและพัฒนาระบบตลาดสินค้าเกษตร ภายใต้ภารกิจด้านการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตรของกรมการค้าภายในแล้วพบว่า การดำเนินงานของศูนย์ POSSEC ยังไม่ประสบความสำเร็จในมิติของประสิทธิผลและประสิทธิภาพ สตง.จึงมีข้อเสนอแนะให้พิจารณายุติการสนับสนุนงบประมาณแก่ศูนย์ POSSEC และยุติการดำเนินงานของศูนย์ POSSEC ดังกล่าว